แถลงข่าวจับกุมแก๊งลักตัดสายเคเบิ้ล

26 ก.พ. 2556
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 26 ก.พ.2556 ที่ สน.ปทุมวัน

พล.ต.ต.วัลลภ ปทุมเมือง ผบก.น.6 
พ.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ 
พ.ต.อ.อุทาสิน ฤทธิ์เรืองเดช รองผบก.น.6 พร้อมด้วย 
พ.ต.อ.เทียนชัย คามะปะโส ผกก.
พ.ต.ท.พนม เชื้อทอง รองผกก.สส.สน.ปทุมวัน

ร่วมกันแถลงการจับกุม
 
1. นาย ทองสุนทร หรือยาว สุวรรณชลา อายุ 44 ปี

2. นายสมพงษ์ หรือพงษ์ อ่อนจู อายุ 19 ปี

3. นายสุทธิชัย หรือไปรซ์ ถาวรพันธ์ อายุ 18 ปี

ในข้อหา

ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนที่ใช้หรือมีไว้ใช้เพื่อสาธารณะประโยชน์

พร้อมของกลาง

- สายเคเบิลโทรศัพท์ ยาวประมาณ 10 เมตร
- คีมตัดสายไฟ จำนวน 2 อัน


สามารถจับกุมตัวได้บริเวณหน้าร้านขายศาลเจ้านำเจริญ ริมถนนพระราม 4 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม.

พล.ต.ต.วัลลภ กล่าวว่า สืบเนื่องจากฝ่ายสืบสวนสน.ปทุมวัน สืบทราบว่านายสมพงษ์หรือพงษ์และนายสุทธิชัยหรือไปรซ์ ได้ลักลอบตัดสายแคเบิลในย่านพื้นที่ปทุมวัน จึงได้แกะรอยจนพบว่าทั้งสองได้นำสายเคเบิ้ลไปเผาที่บ้านพักของนายทองสุนทรหรือยาว ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊งบริเวณริมคลองสามเสน ถนนราชวิถี แขวงสามเสนใน เขตพญาไท แล้วนำไปขายให้ร้านขายของเก่า ย่านริมคลองสามเสน

จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนลงทำการตรวจค้นร้านขายของเก่าดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจค้นพบของกลางจำนวนดังกล่าว จากนั้นจังได้ทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาสอบสวนที่สน.ปทุมวัน

จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ ว่า ทั้งหมดช่วยกันลักลอบตัดสายเคเบิ้ลจริง แล้วนำไปขายให้กับร้านรับซื้อของเก่า ซึ่งเงินที่ได้มาจะนำไปซื้อยาบ้ามาเสพกัน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา

ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนที่ใช้หรือมีไว้ใช้เพื่อสาธารณะประโยชน์

ก่อนจะส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ที่มา ตระเวนข่าวออนไลน์
Read more ...

จับกุมคนร้ายใช้คัตเตอร์กรีดหลังอาจารย์ ม.จุฬาฯ

16 ก.พ. 2556
 
 
 
 
เมื่อ  16 ก.พ.2556  ที่ บก.สส.บช.น.

พ.ต.อ.อุทาสิน ฤทธิ์เรืองเดช รอง ผบก.น.6 
พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. 
พ.ต.อ.เทียนชัย คามะปะโส ผกก.สน.ปทุมวัน 

 ร่วมแถลงข่าวจับกุม

1. นายประพรรณศักดิ์ หรือ เสือ พรมงาม อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 479/95 ซอยสุทธิพร แขวงและเขตดินแดง กทม.

2. น.ส.ศศิธร หรือ เร ติยะโคตร อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 160/11 หมู่ 11 ซอยนพรัตน์ แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม.

 สองผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ จ.111/2556 และ จ.112/2556 ในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้รับอันตรายแก่กายสาหัสโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 

พร้อมของกลาง

- มีดคัตเตอร์สีส้ม 1 เล่ม 
- รถจยย.ซูซูกิ สีขาว ทะเบียน สงฉ-174 กรุงเทพมหานคร และ
- กางเกงวอร์มสีกรมท่า 1 ตัว ที่นายประพรรณศักดิ์ใส่ก่อเหตุ

พ.ต.อ.อุทาสิน เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ 

ผศ.ดร.จิรวัฒน์ ชีวรุ่งโรจน์ อายุ 49 ปี รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา ภาควิชาวิศวกรรมเหมืองแร่และปิโตเลียม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 

ถูกคนร้ายใช้มีดคัตเตอร์กรีดที่กลางหลังและท่อนแขนเป็นแผลฉกรรจ์บาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนพบประเด็นที่ แฟนสาวของ น.ส.ศศิธร ซึ่งเป็นนิสิต ป.โท มีปัญหาขัดแย้งกับตัว ผศ.ดร.จิรวัฒน์

จากนั้นก็พบหลักฐานจากกล้องวงจรปิดในบริเวณจุดเกิดเหตุและพยานบุคคลยืนยันว่านายประพรรณศักดิ์ ซึ่งเป็นเพื่อนของ น.ส.ศศิธร คือผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ 

จึงให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานไปขออนุมัติหมายจับ ก่อนจะกระจายกำลังกันออกติดตามตัวได้บริเวณหน้าโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี ถนนวิภาวดีรังสิต

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายประพรรณศักดิ์ ให้การซัดทอดว่า น.ส.ศศิธร ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมคณะวิศวกรรมสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ขอให้ตัวเองช่วยลงมือทำร้าย ผศ.ดร.จิรวัฒน์ เนื่องจากโกรธแค้นที่ ไม่ยอมให้แฟนสาวของ น.ส.ศศิธร ที่กำลังเรียนปริญญาโท คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ จบหลักสูตร เนื่องจากมีปัญหาด้านการสอบและทำวิทยานิพนธ์ไม่ผ่าน ทั้งที่เวลาผ่านมานานกว่า 4 ปี ด้วยความโกรธแค้นแทนเพื่อน นายประพรรณศักดิ์ จึงไปหาซื้อมีดคัตเตอร์ รวมทั้งวิกผมกับถุงมือมาเพื่อใช้ในการอำพรางตัวปิดบังใบหน้า จนกระทั่งวันที่ 7 ก.พ.ได้ไปดักรอ ผศ.ดร.จิรวัฒน์ แล้วครั้งหนึ่งแต่ไม่พบ

กระทั่งวันที่ 11 ก.พ. จึงขี่จยย.มาดักรอที่หน้าอาคารอาคารวิชาวิศวกรรมเหมืองแร่และปิโตเลียม จุฬาฯอีกครั้ง ถึงพบตัว ผศ.ดร.จิรวัฒน์ ออกมาจากอาคาร จึงเดินตามไปตั้งใจจะคุยด้วย แต่ตัวผศ.ดร.จิรวัฒน์ กลับเดินหนี จึงใช้มีดคัตเตอร์ฟันกลางหลังจน ผศ.ดร.จิรวัฒน์ ล้มลงไปที่พุ่มไม้ ก่อนจะฟันซ้ำอีกครั้ง แล้ววิ่งหลบหนีไปขึ้นจยย.ที่ตัวเองจอดทิ้งไว้ที่หลังอาคารชารล เอม สัน เกเวอรต หลบหนีออกทางประตูคณะบัญชี จุฬาฯ เพื่อนำวิกผมไปโยนทิ้งคลองแสนแสบ ส่วนถุงมือนำไปทิ้งบึงมักกะสัน และทิ้งมีดคัตเตอร์ ทิ้งหน้าแฟลตดินแดง

ด้าน พ.ต.อ.นพศิลป์ กล่าวว่า ต่อมาทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติจากศาลอาญากรุงเทพใต้เพื่อออกหมายจับ น.ส.ศศิธร ผู้ต้องหาอีกราย ก่อนนำกำลังเข้าจับกุมตัวได้ที่บ้านพักของ น.ส.ศศิธร เบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ และจะขอให้การในชั้นศาล เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิด ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

ต่อมาเจ้าหน้าที่นำตัวนายประพรรณศักดิ์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยเริ่มตั้งแต่บริเวณหน้าอาคารวิชาวิศวกรรมเหมืองแร่และปิโตเลียม ที่มาดักรอ จากนั้นเป็นจุดทางเดินทางที่ลงมือทำร้ายผศ.ดร.จิรวัฒน์ จุดที่ 3 เป็นจุดจอดจยย.ที่บริเวณด้านหลังอาคารชารล เอม สัน เกเวอรต และจุดสุดท้าย บริเวณประตูทางออกหน้าคณะบัญชีจุฬาฯ ก่อนนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ต่อไป
Read more ...

เปิดโครงการเฝ้าระวังอัคคีภัยช่วงเทศกาลตรุษจีน

6 ก.พ. 2556
 
 
 
 
เมื่อวันที่ 5 ก.พ.2556  ที่ สน.พลับพลาไชย 1

พ.ต.อ.อุทาสิน ฤทธิ์เรืองเดช รอง ผบก.น.6 เป็นประธานเปิดโครงการรณรงค์เฝ้าระวังอัคคีภัยช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยมี 

พ.ต.อ.ชาญศิริ สุขรวย ผกก.สน.พลับพลาไชย 1 ข้าราชการตำรวจ และคณะ กต.ตร.สน.พลับพลาไชย 1 เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตป้อมปราบฯ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกลาง มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง โรงเรียนเทพศิรินทร์ โรงเรียนสายปัญญา โรงเรียนวัดคณิกาผล และโรงเรียนวัดพลับพลาชัย ภาครัฐ, ภาคเอกชน, และกองกำกับการม้าตำรวจ พร้อมม้า 4 ตัว 

เข้าร่วมในพิธีการเปิดโครงการนี้กับอย่างคับคั่ง

โครงการดังกล่าวจัดขึ้นสืบเนื่องจากในช่วงเทศกาลตรุษจีนนั้น ประชาชนส่วนใหญ่ที่พักอาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ สน.พลับพลาไชย 1 จะเป็นคนไทยเชื้อสายจีน และมีการจุดธูป-เทียน ไหว้เจ้าเป็นในที่พักอาศัยเป็นจำนวนมาก บางครอบครัวไหว้เจ้าเสร็จก็ออกไปข้างนอกที่พักอาศัย หรือบางครอบครัวปิดบ้านพักและปิดร้านค้าเดินทางไปไหว้พระหรือไปพักผ่อนต่างจังหวัดเป็นเวลาหลายวัน อีกทั้งบางครอบครัวจุดธูป-เทียนทิ้งไว้ ลืมดับก่อนออกจากบ้านพักอาศัยอาจจะทำให้เกิดไฟไหม้ได้

สำหรับการเดินรณรงค์ในเขตพื้นที่ในวันนี้นั้น จะมีการแจกแผ่นพับ ติดป้ายประชาสัมพันธ์และใช้เครื่องขยายเสียงเดินรณรงค์ ตั้งแต่หน้าสน.พลับพลาไชย 1 ไปตามถนนพลับพลาไชย ถนนหลวง ถนนมหาจักร ถนนเจริญกรุง และเดินกลับ เป็นระยะทาง 1 กิโลเมตร เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่พักอาศัยหรือค้าขายในย่านดังกล่าว ได้มีการป้องกันอัคคีภัยเกี่ยวกับการจุดธูป-เทียน และระบบไฟฟ้าให้ประชาชนได้ทราบ ในการระมัดระวังการจุดธูป-เทียน และต้องดับทุกครั้งหลังจากไหว้เสร็จหรือก่อนออกจากที่พักอาศัยเพื่อเป็นการป้องกันไฟไหม้

พ.ต.อ.ชาญศิริ กล่าวว่า ทาง บช.น. จัดให้มีการรณรงค์โครงการดังกล่าวร่วมกับหลายหน่วยงานด้วยวิธีการเดินแจกเอกสารแผ่นพับ และใบปลิวประชาสัมพันธ์เพื่อเตือนไม่ให้ประชาชนประมาท และมีความตื่นตัวในป้องกันการเกิดอัคคีภัยในท้องที่และโรงพักใกล้เคียง เพราะสภาพอากาศช่วงเทศกาลตรุษจีนค่อนข้างแห้งแล้ง และที่ผ่านๆ มามีการเกิดอัคคีภัยบ่อยครั้ง ในปีที่แล้วมีจำนวน 3 ราย ในปีนี้จึงมีการเตือนก่อนเกิดเหตุ เพราะสาเหตุส่วนใหญ่นั้นเกิดจากความประมาทและพลั้งเผลอ

พ.ต.อ.ชาญศิริ กล่าวต่อว่า หลังจากเดินรณรงค์โครงการนี้แล้ว ผลตอบรับที่ได้ คือ ประชาชนตื่นตัวและไม่ประมาทพร้อมระวังตัวมากขึ้น หลังจากวันนี้ก่อนถึงเทศกาลตรุษจีนจะมีช่องว่างอยู่ จึงได้จัดทำโครงการเสริม “โครงการเพื่อนบ้านเตือนภัย” โดยให้เพื่อนบ้านเตือนภัยกันเอง และจะมีอาสาเครือข่าย เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งช่วยเฝ้าระวัง เมื่อเกิดเหตุจะเข้าระงับเหตุได้ทันท่วงที อีกทั้งจะสามารถดูแลผู้ที่จะเดินทางมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพื้นที่ได้ครอบคลุมมากขึ้นอีกด้วย

ที่มา นสพ.เดลินิวส์ออนไลน์ เมื่อ 5 ม.ค.2556
Read more ...

สน.ปทุมวัน รวบหนุ่มเสพยาบ้าจนหลอน ปีนดาดฟ้าตึกสูง

2 ก.พ. 2556
 

เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2556 ตร.สน.ปทุมวัน รวบตัวชายนิรนาม ปีนขึ้นไปเกาะลูกกรงเหล็กดัดอยู่บนดาดฟ้าบ้านคนย่านปทุมวัน หลังจากต้องเกลี้ยกล่อมนาน 17 ชม.ก่อนกู้ภัยเข้าชาร์จจับตัว สารภาพ เสพยาบ้าจนหลอน โดย จนท.ส่งตัวไปดำเนินคดีข้อหาเสพยา และลักตู้บริจาควัดที่ทำมาก่อนหน้านี้...

จากกรณีที่มีชายนิรนาม อายุประมาณ 35 ปี แต่งกายสวมเสื้อยืดสีส้ม นุ่งกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน ตัดผมสั้นเกรียน เนื้อตัวมอมแมม มีรอยสักเต็มตัวตั้งแต่ช่วงขาถึงต้นคอ ปีนขึ้นไปเกาะลูกกรงเหล็กดัดอยู่บนดาดฟ้าบ้านเลขที่ 175 ตรอกสลักหิน ถนนรองเมือง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน ทำให้ตำรวจ สน.ปทุมวัน และชาวบ้านต้องใช้ความพยายามทุกวิถีทาง ช่วยกันเกลี้ยกล่อมให้ลงมาด้านล่าง ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น

เมื่อเวลา 22.30 น.วันที่ 2 ก.พ.2556 ที่ สน.ปทุมวัน

พล.ต.ต.วัลลภ ประทุมเมือง ผบก.น.6
พ.ต.อ.เทียนชัย คามะปะโส ผกก.สน.ปทุมวัน และ
พ.ต.ท.พนม เชื้อทอง รอง ผกก.สส.สน.ปทุมวัน พร้อมกำลัง

สามารถควบคุมตัวชายนิรนามดังกล่าวมาสอบสวนที่โรงพักได้แล้ว เบื้องต้นทราบชื่อคือ

นายกิจจา หรือแหลม ยี่สุ่นศรี อายุ 30 ปี ชาวบ้าน ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ

โดยหลังจากที่ตำรวจนำตัวลงมาจากดาดฟ้าบ้านที่เกิดเหตุได้แล้วนั้น นายกิจจา มีอาการอิดโรยอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่นำยานอนหลับผสมน้ำให้ ดื่มตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา จนเจ้าตัวเผลอทิ้งตัวนอนเปิดโอกาสให้ทีมนักผจญเพลิงของสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ใช้เชือกผูกเอวโรยตัวลงมาจากที่สูงประกบหน้าหลัง และบุกเข้าชาร์จตัวเอาไว้ได้ท่ามกลางความมืด

จากการสอบสวน นายกิจจา ยอมรับว่า เพิ่งพ้นโทษคดียาเสพติดจากเรือนจำ จ.นครราชสีมา ได้ประมาณ 1 ปี และก่อนหน้านี้ก็เคยถูกจับคดีอื่นๆ มาแล้วนับไม่ถ้วนทั้งยาเสพติด ลักทรัพย์ เข้าออกคุกเป็นสิบครั้ง พอออกมาเป็นอิสรภาพก็ไม่ได้ทำงานอะไร ได้แต่ลักทรัพย์หาเงินเสพยาไปเรื่อย จนกระทั่งเมื่อคืนวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา ตัดสินใจย่องเข้าไปในวิหารของวัดบ้านอากาศ ย่านคลองด่าน เพื่อขโมยตู้บริจาคเงินของวัดออกไปได้เงินมา 14,000 บาท แต่ขณะนี้เหลือเงินติดตัวแค่ 6,000 บาท เพราะนำไปเที่ยวพัทยา และซื้อยาบ้ามาเสพ 4 เม็ด จนเกิดอาการหลอนคิดว่าถูกตำรวจไล่ตามจับตัว เลยหลบหนีมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อช่วง 04.00 น. ที่ผ่านมาก็ปีนขึ้นไปบนดาดฟ้าตึกแถวที่เกิดเหตุจนกระทั่งเจ้าของบ้านมาพบ เข้าและแจ้งตำรวจให้มาเกลี้ยกล่อมนานกว่า 17 ชั่วโมง ก่อนจะถูกชาร์จจับตัวได้ดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาเสพยาเสพติด พร้อมทั้งประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ มารับตัวไปดำเนินคดี ในข้อหาลักทรัพย์ตู้บริจาคของวัดต่อไป

ที่มา นสพ.ไทยรัฐออนไลน์ เมื่อ 2 ก.พ.2556
Read more ...