เจ้าหน้าที่สนธิกำลังตรวจค้นสถาบันอุเทนถวาย - เทคโนโลยีปทุมวัน

17 ก.ย. 2557
 
 
โดย นสพ.ไทยรัฐออนไลน์ เมื่อ 17 ก.ย.2557

ตำรวจ ทหาร สนธิกำลังเข้าตรวจค้นอาวุธตามอาคารเรียน สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตอุเทนถวาย และ สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน พบอาวุธมีด ขวานประทัดยักษ์ กระสุนปืน เชื่อเตรียมไว้ก่อเหตุล้างแค้น

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 17 ก.ย.

พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น. 
พ.ต.อ.อุทาสิน ฤทธิเรืองเดช รอง ผบก.น.6
พ.ต.อ.จารุต ศรุตยาพร ผกก.สน.ปทุมวัน พร้อม
เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายหน่วยงาน ประกอบด้วย 
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนครบาล 
สายตรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 สันติบาล 
กำลังกองร้อยควบคุมฝูงชน บก.น.6
สืบสวน บก.น.6 
เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด สนธิกำลังกับ
เจ้าหน้าที่ทหารสังกัด พล.ม.2 รอ. 

เข้าตรวจค้นอาวุธภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกวิทยาเขตอุเทนถวาย ถ.พญาไท แขวงและเขตปทุมวัน กทม. โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง

พ.ต.อ.จารุต กล่าวว่า สำหรับการเข้าตรวจค้นภายในอุเทนถวายในครั้งนี้พบสิ่งผิดกฎหมายจำนวนมาก อาทิ

- อาวุธมีด 
- อุปกรณ์การเล่นการพนันไฮโล 
- ไพ่ 
- อุปกรณ์เสพยาเสพติด (กัญชา) 
- เบียร์ 

ที่ถูกซุกซ่อนอยู่บนฝ้าเพดานห้องน้ำหญิงและชายตามตัวอาคารต่างๆ บ้านพักของภารโรง

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบอาวุธมีดซึ่งอยู่ในกระเป๋าของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 เอกมัลติมีเดีย จำนวน 4 เล่ม โดยนำกระเป๋าสะพายดังกล่าวไปฝากไว้ที่อาจารย์ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนักศึกษาทั้ง 4 ราย ไปยัง สน.ปทุมวัน เพื่อถ่ายรูปทำประวัติไว้ พร้อมทั้งเชิญผู้ปกครองและอาจารย์ฝ่ายปกครองเข้ารับทราบถึงพฤติกรรมของตัวนักศึกษาก่อนจะปล่อยตัวไป

พ.ต.อ.จารุต กล่าวอีกว่า สำหรับการเข้าตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมายภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกวิทยาเขตอุเทนถวายและสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ได้เข้าตรวจค้นไปแล้วเมื่อ ปี 2553 ที่ผ่านมา ซึ่งภายหลังจากการตรวจค้นนั้นเรื่องการทะเลาะวิวาทของทั้ง 2 สถาบันนี้ได้เบาบางลงไป ต่อมาเมื่อมีการชุมนุมทางการเมืองนั้นซึ่งทางนักศึกษาของทั้งสองสถาบันนั้นได้เข้าร่วมการชุมนุมและอาสาเป็นการ์ดและเกิดการเขม่นการจนถึงปัจจุบัน

ขณะเดียวกันนั้นทางด้าน

พ.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ รอง ผบก.น.6 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายหน่วยงาน ประกอบด้วย 
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนครบาล 
สายตรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 สันติบาล 
สืบสวน บก.น.6 
เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด สนธิกำลังกับ
เจ้าหน้าที่ทหารสังกัด พล.ม.2 รอ. 

เข้าตรวจค้นอาวุธภายในสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม. โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง

พ.ต.อ.ฤชากร กล่าวว่า การเข้าตรวจค้นสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันในวันนี้ทางเจ้าหน้าตรวจพบ

- อาวุธมีดปลายแหลม 3 เล่ม 
- คัตเตอร์ 3 อัน ขวาน 1 ด้าม 
- ประทัดยักษ์ 6 ลูก และ
- กระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 1 นัด ทั้งนี้ไม่พบอาวุธปืนแต่อย่างใด 

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ลงตรวจภายในสถาบันอย่างละเอียดโดยมี รศ.ดร.ปัญญา มินยง อธิการบดีและนักศึกษาของสถาบันดังกล่าว ให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดีอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์ในการเข้าตรวจค้นในครั้งนี้นั้นอยากจะให้ทางสถาบันการศึกษาเป็นพื้นที่สีขาวปราศจากสิ่งผิดกฎหมาย หลังจากนี้ได้ขอความร่วมมือไปยังอาจารย์ของสถาบันหากพบเห็นนักศึกษาที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการก่อเหตุทะเลาะวิวาทก็ให้แจ้งมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อป้องกันและระงับเหตุที่จะเกิดขึ้นต่อไป. 
Read more ...

จับกุม 6 นศ.อุเทนฯ ฆ่า นศ.ต่างสถาบันดับ 2 ศพ

17 ก.ย. 2557
โดยข่าวสดออนไลน์ เมื่อ 17 ก.ย.2557

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 ก.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)

พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผบช.สยศ.ตร. รรท.ผบก.สส.บช.น. 
พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รองผบช.น. 
พ.ต.อ.ชยานนท์ มีสติ รองผบก.สส. 
พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผบก.น.2 
พ.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ รองผบก.น.6 
พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.สส.3 บก.สส. 
พ.ต.อ.อรรถพร สุริยเลิศ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส. 
พ.ต.อ.ณรงฤทธิ์ พรหมสวัสดิ์ ผกก.สน.หัวหมาก 

แถลงข่าวจับกุมนักศึกษาไล่ยิงนักศึกษาต่างสถาบันเสียชีวิตผู้ต้องหา 6 คน ได้แก่

1. นายกบินทร์ หรือเอฟ หรือบินทร์ จิโรจน์มนตรี อายุ 20 ปี มือปืน

2. นายปัญหา หรือโต้ง เขมวัชรเลิศ อายุ 20 ปี คนขี่รถจักรยานยนต์

3. นายอรรถพล หรือต้น ยี่แม่นยิง อายุ 20 ปี คนชี้เป้า

4. นายจิรายุทธ หรือไอซ์ สุวรรณโชติ อายุ 20 ปี คนชี้เป้า

5. นายจิตรดิลก หรือเน็ต อุ้มชู อายุ 21 ปี หน้าที่ดูเหยื่อว่าเสียชีวิตหรือไม่

6. นายณัฐกร หรือณัฐ กรรมแต่ง อายุ 23 ปี คนวางแผนและจัดหาอาวุธปืน

โดยผู้ต้องหาที่ 1-5 เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกวิทยาเขตอุเทนถวาย ชั้นปี 2 คณะวิศวกรรมก่อสร้างโยธา และผู้ต้องหาที่ 6 เป็นรุ่นพี่คณะเดียวกันเรียนอยู่ชั้นปี 4

ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1637-1642 ลงวันที่ 16 ก.ย. ข้อหา

- ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตองไว้ก่อน 
- ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 
- พกพาอาวุธปืนไปในเมือง โดยไม่มีเหตุอันสมควรและไม่มีใบอนุญาตพกพา 

พร้อมของกลาง

- อาวุธปืนลูกโม่ ขนาด.38 ลูกกระสุนปืนขนาด.38 จำนวน 10 นัด 
- กล่องใส่กระสุนปืนขนาด.32 
- ประทัดยักษ์ 
- รถจยย.ฮอนด้า คลิก สีดำ-แดง ทะเบียน ฬสม 483 กรุงเทพมหานคร 
- เสื้อแจ็คเก็ต 2 ตัว และ
- หมวกกันน็อคสีดำ 2 ใบ 

โดยนายกบินทร์ และนายปัญญาสวมใส่ในวันก่อเหตุ

พล.ต.ต.สุวัฒน์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา เวลา 07.45 น. ผู้ต้องหาทั้งหมดร่วมกันก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด.38 ยิง

นายพชร กัมพลาศิริ อายุ 20 ปี นักศึกษาปี 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ ช่างกลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ

 6 นัด จนเสียชีวิต เหตุเกิดซอยรามคำแหง 107 ขณะผู้ตายจะไปเรียนหนังสือขณะจะไปลงเรือที่วัดศรีบุญเรือง ท้องที่สน.หัวหมาก ผู้ต้องหาใช้

รถจยย.ฮอนด้า สคูปปี้ไอ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 

ขี่มาดักรอเหยื่อก่อนลงมือ โดยเข้าใจผิดคิดว่า ผู้ตายเรียนอยู่สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างติดตามอาวุธปืนและรถจยย. ต่อมาวันที่ 12 ก.ย. เวลา 17.30 น. ผู้ต้องหาร่วมกันก่อเหตุใช้อาวุธปืน.38 และรถจยย.ฮอนด้า คลิก ของกลางที่ยึดได้ ก่อเหตุขี่ประกบยิง

นายพลวัต จันทร์วิเศษ อายุ 21 ปี และ
นายชิษณุพงษ์ ศรีคชา อายุ 18 ปี นศ.ชั้นปี 1 สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน 

ขณะขี่รถจยย.เสียชีวิตทั้งคู่ เหตุเกิดถนนเทอดดำริ ตรงข้ามสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินบางซื่อ ท้องที่สน.เตาปูน

จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมด รับสารภาพว่า ก่อเหตุทั้ง 2 คดี มูลเหตุจูงใจเป็นกระทำการเพื่อล้างแค้น ให้กับเพื่อนนักศึกษาสถาบันเดียวกันที่ถูกยิงเสียชีวิต กรณีเมื่อวันที่ 26 ส.ค. เวลา 21.30 น.

น.ส.กันต์กนิษฐ์ พรหมแก้ว อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปี 2 คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย 

ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนขี่รถจยย. ใช้ปืนกราดยิงบาดเจ็บนำส่งรพ.แล้วเสียชีวิต และมีเพื่อนชายร่วมสถาบันบาดเจ็บ 1 ราย ขณะเกิดเหตุยืนหลบฝนรอรถเมล์ พร้อมกับเพื่อนร่วมสถาบันเกือบ 40 คน ที่ป้ายรถโดยสารหน้าโอสถศาลา คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้านตรงข้ามห้างมาบุญครอง ถ.พญาไท โดยผู้ต้องหาเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันสนิทกับผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ โดยมีการโกนหัวไว้อาลัยให้เพื่อนและหลังจากกลับจากงานเผาศพที่ จ.ชัยนาท ก็ร่วมกันวางแผนแก้แค้นให้กับเพื่อน

ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติ นายปัญญา เคยถูกดำเนินคดีข้อหา พยายามฆ่า เมื่อวันที่ 11 พ.ค.55 ท้องที่สน.โคกคราม และนายจิรายุทธ เคยมีประวัติถูกดำเนินคดีข้อหา พกพาอาวุธปืน เมื่อวันที่ 6 มี.ค.57 ท้องที่ สน.พญาไท

พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวต่อว่า คดีที่เกิดขึ้นทั้งหมด พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วยผบ.ตร. รรท.ผบช.น. ไม่ได้นิ่งนอนใจมอบหมายให้ชุดสืบสวนบช.น. ร่วมกันคลี่คลายคดี ยอมรับว่าคดียิงน้องนักศึกษาผู้หญิงยังไม่เรียบร้อย และรู้สึกว่ายังติดค้างแต่ใครทำผิดก็ต้องติดตามไล่ล่าจับกุมให้ถึงที่สุด

สาเหตุของเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องเรื้อรังมานานรู้อยู่แล้วว่าอะไรไม่อยากจะขยายความ ส่วนผู้ต้องหาที่จับกุมได้นั้นพื้นฐานแล้วเป็นคนดี ไม่ใช่เป็นผู้ร้ายโดยสันดาน เพียงแต่ว่าอาจรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมและแค้นจากการถูกกระทำจึงพยายามปกป้องตัวเอง ผู้ต้องหาให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้ตั้งแต่เดือน ม.ค. มีนักศึกษาของสถาบันอุเทนฯ ถูกทำร้ายและถูกยิงแต่จับผู้ต้องหาไม่ได้ เราก็ต้องยอมรับว่าหน้าที่ของตำรวจ และให้สัญญาจะติดตามคดีอย่างต่อเนื่อง

รอง ผบช.สยศ.ตร. กล่าวด้วยว่า ปืนขนาด.38 ผู้ต้องหาก่อเหตุในท้องที่สน.เตาปูน นักศึกษาในกลุ่มทั้งหมดมีการรวมเงินซื้อเพื่อเอาไว้ป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้ความร่วมมือยอมรับความผิดทั้งหมด พร้อมทั้งพาตำรวจไปเอาของกลางที่เกี่ยวข้องกับคดี แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือความขัดแย้งระหว่างสถาบัน ตนอยากให้เรื่องดังกล่าวยุติ ต่อไปถ้าฝ่ายใดถูกทำร้ายหรือไม่ได้รับความเป็นธรรม ขอให้ตำรวจเป็นผู้ลงมือจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีและกฎหมายเป็นผู้ตัดสิน ขอให้ยุติอย่าไปคิดกระทำกันเอง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ต้องหาเลือกเหยื่ออย่างไรก่อนลงมือยิง พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า ผู้ต้องหามีความคิดว่า สาเหตุเพื่อนที่เสียชีวิตน่าจะเกิดจากฝั่งคู่กรณีที่ขัดแย้งกัน ส่วนวิธีการเลือกเป้าหมายนั้น ใครก็ได้ที่เป็นนักศึกษาคู่กรณี

ด้าน นายกบินทร์ กล่าวว่า ไม่อยากเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้น แต่ตนเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำมาโดยตลอด ข่าวบางข่าว ก็ไม่ได้ถูกตีแผ่ออกมาอย่างชัดเจน เพื่อนตนเสียชีวิตก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่าที่ควร เขาไม่ใช่คนเลวร้ายมิหนำซ้ำเป็นผู้หญิงด้วย แค่เขามาศึกษาในสถาบันแห่งหนึ่งแล้วต้องเสียชีวิต ปัจจุบันคนร้ายยังลอยนวลอยู่ในสังคม

นอกจากนี้ ยังมีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเพื่อนและพี่น้องไม่มีคดีไหนที่จับผู้ร้ายได้สักคนอยากจะขอฝากตรงจุดนี้ ตนเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่ทำเท่าที่จะทำได้ อยากให้ทุกคนรับรู้ความสึกของพวกตนบ้างถ้าจับคนร้ายไวกว่านี้เหตุการณ์อาจจะไม่เป็นอย่างนี้ก็ได้ 
Read more ...

ฝ่ายสืบสวน สน.พลับพลาไชย 1 จับผู้ต้องหา จำหน่ายยาบ้า 22,800 เม็ด

16 ก.ย. 2557
 
 
โดย นสพ.ผู้จัดการออนไลน์ เมื่อ 16 ก.ย.2557

ฝ่ายสืบสวน สน.พลับพลาไชย 1 ขยายผลจับผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้ากว่า 2 หมื่นเม็ด ได้ที่อพาร์ตเมนต์ย่านบางแค อ้างรายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย

วันนี้ (16 ก.ย.) ที่ สน.พลับพลาไชย 1 

พ.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ รอง ผบก.น.6. 
พ.ต.อ.มนตรี เทศขัน ผกก.สน.พลับพลาไชย 1 
พ.ต.ท.สุธิศักดิ์ พิริยะภิญโญ สว.สส.สน.พลับพลาไชย 1 

ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม 

นายสุระพล หรือน้อย แสนสร้อย อายุ 31 ปี 

พร้อมของกลาง

ยาบ้า 22,800 เม็ด 

โดยจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 

ที่กิจไพศาลอพาร์ตเมนต์ เลขที่ 2/66-68 ซอยเพชรเกษม 68 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม.

พ.ต.อ.ฤชากรกล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุม

นายเก่ง ลือชูรส 

ในข้อหาเสพยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย ได้ที่ย่านถนนกรุงเกษม จากการสอบสวนขยายผลนายเก่งให้การว่าซื้อยาเสพติดมาจากนายน้อย (ไม่ทราบชื่อนามสกุล) ที่กิจไพศาลอพาร์ตเมนต์ โดยยังให้การอีกว่าที่ห้องพักนายน้อยมียาเสพติดซุกซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงวางแผนเข้าจับกุม จนกระทั่งเวลา 18.45 น. เจ้าหน้าที่จึงได้บุกเข้าจับกุมนายน้อยได้ที่ห้องพักดังกล่าว พร้อมยาเสพติดของกลาง

นายสุระพลให้การรับสารภาพว่าค้ายาเสพติดจริง โดยยาเสพติดทั้งหมดเป็นของ

นายอ้วน (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) อายุประมาณ 40 ปี 

โดยนายอ้วนจะนำยามาไว้กับตนเพื่อให้จำหน่ายให้ลูกค้า ปกติตนมีอาชีพรับจ้างทั่วไป รายได้น้อย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา

มียาเสพติดให้ใทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย 

ก่อนจะนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป
Read more ...

สืบสวนสำราญราษฎร์จับกุมยาบ้า 33,800 เม็ด

10 ก.ย. 2557
 
เมื่อวันที่  10 ก.ย.2557 เวลาประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.สำราญราษฎร์
ภายใต้การสั่งการของ พ.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ รอง ผบก.น.6
พ.ต.อ.ชัยน์วัฒน์  อรัญวัฒน์ รอง ผบก.น.6
พ.ต.อ.สมชาย  เชยกลิ่น  ผกก.สน.สำราญราษฎร์
พ.ต.ท.นริศ  ปรารถนาพร  รอง ผกก.สส.สน.สำราญราษฎร์  นำโดย  
พ.ต.ท.นพรุจ  จิตมั่น สว.สส.ฯ
ร.ต.อ.พิเชษฐ์  พรหมแก้ว รอง สว.สส.ฯ
ร.ต.ท.อานนท์  ไทรด้วง พงส.ฯ ช่วยราชการ งานสืบสวน ฯ และ
เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.สำราญราษฎร์  ร่วมกับ 
ทหาร สังกัด พัน.ร.ศสร. ได้ร่วมกันจับกุมตัว

น.ส. เอ (นามสมมุติ ) อายุ 17 ปี 11 เดือน

พร้อมด้วยของกลาง คือ

- ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีฟ้าแบบเลื่อนปิดดึงเปิด ถุงละ 200 เม็ด
โดยประมาณ  มัดรวมเป็นมัดๆ ละ 10 ถุง ห่อด้วยกระดาษไขและพันด้วยเทปกาวอีกชั้นหนึ่ง จำนวน 16 มัด (มัดละ 2,000 เม็ด) และอีก 1 มัดหนึ่ง มีลักษณะถูกแกะออก มี 9 ถุง (ยาบ้าประมาณ 1,800 เม็ด)   รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ 33,800 เม็ด

- ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาไอซ์) ลักษณะเป็นเกล็ดใส บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสแบบซองยา
เลื่อนปิดดึงเปิด  จำนวน 3 ถุง น้ำหนักรวมถุง  2.11 กรัม

- ของกลางรายการอื่นๆ อีกรวมทั้งสิ้น  18  รายการ

โดยกล่าวหาว่า “ มียาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้า,ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”

พฤติการณ์กล่าวคือ  เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ทำการสืบสวนหาข่าวเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่รับผิดชอบ ตามนโยบายของ คสช. จนกระทั่งทราบว่า มีหญิงวัยรุ่นมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและมีการกระทำความผิดในลักษณะเป็นเครือข่ายเกี่ยวข้องกับนักโทษในเรือนจำ  ทั้งยังพักอาศัยอยู่ในห้องเช่า ชั้น 2 บ้านเลขที่ 33 ตรอกมหรรณพ  แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ  เขตพระนคร กรุงเทพฯ  จึงได้ร่วมกับทหารเข้าทำการตรวจค้น พบยาไอซ์ จำนวน 3 ถุง อยู่ในความครอบครองของผู้ต้องหา  ได้สอบถามผู้ต้องหาให้การรับว่า  ยังมียาบ้าอีกจำนวนหนึ่ง อยู่ภายในห้องเช่าภายในซอยลาดพร้าว 107

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้พาตัวผู้ต้องหาไปทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพายาบ้าของกลางอีกจำนวน 33,800 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในห้องเลขที่ 413 ชั้น 4 บ้านเราอพาร์ทเม้นท์  ซอยลาดพร้าว107 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ  กรุงเทพฯ  ดังกล่าว

เมื่อสอบถามผู้ต้องหาให้การรับว่า ยาบ้าดังกล่าวเป็นของผู้หญิงซึ่งตนเองเรียกว่า “แม่”   โดยตนเองมีหน้าที่นำยาบ้าของกลางดังกล่าวมาส่งให้ลูกค้าตามคำสั่งของ “แม่”   ได้ค่าจ้างมัดละ 1,500 -2,000 บาทต่อมัด  เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งสิทธิและข้อกล่าวหา  นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
Read more ...

สืบบางรัก รวบแก๊ง จยย.กระชากกระเป๋านักท่องเที่ยวสาวจีน ขณะนั่งตุ๊กๆ

10 ก.ย. 2557
 
 
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 ก.ย.2557

 ที่ สน.บางรัก

พ.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ รอง ผบก.น.6 
พ.ต.อ.รัชพล บุญนาค ผกก.สน.บางรัก 
พ.ต.ท.สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล รอง ผกก.สส.สฯ.บางรัก 
พ.ต.ท.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ สว.สส.สน.บางรัก 
พ.ต.ท.วิทวัส บูรณะ สว.สส.สน.บางรัก พร้อม
เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางรัก 

ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหา 2 คน คือ

1. นายเอกพล สังข์ทุ่ง อายุ 33 ปี อยู่ ต.โพธิชัย อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด และ

2. นายจงลักษ์ สารพัฒน์ อายุ 36 ปี อยู่ ต.โคกสูง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด 

พร้อมด้วยของกลาง

- รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีแดงขาว หมายเลขทะเบียน 1 กค 5044 ร้อยเอ็ด 
- รถยนต์สามล้อสาธารณะ ทะเบียน สข 658 กทม. 
- กระเป๋าสะพายยี่ห้อ LOUIS VUITTON สีน้ำตาล 1 ใบ 
- เงินสด 1,050 บาท 
- หนังสือเดินทาง 1 เล่ม 
- แว่นตา 1 อัน 
- โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน 1 เครื่อง 
- ถุงเสื้อผ้า 1 ถุง 
- ชุดชั้นใน 1 ชุด 
- รองเท้า 2 คู่ และ
- โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง 2 เครื่อง 

 พ.ต.อ.ฤชากร กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 22.30 น. วันที่ 7 ก.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางรัก ได้ออกตรวจพื้นที่ เพื่อป้องกันการก่อเหตุอาชญากรรมในท้องที่ จนมาถึง

บริเวณสี่แยกพระยาตัดกับถนนมหานคร แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กทม. 

พบคนร้ายกำลังก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์นักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนจำนวน 2 คน คือ

Miss Li Ni อายุ 31 ปี สัญชาติจีน อาชีพเป็นครู และ 

Miss Ren Min อายุ 30 ปี สัญชาติจีน อาชีพตำรวจฝ่ายสืบสวนที่ประเทศจีน 

ขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งโดยสารมากับรถสามล้อสาธารณะจากซอยข้าวสารที่มีนายจงลักษ์เป็นคนขับ เพื่อกลับที่พักโรงแรมพูลแมน ถ.รางน้ำ เมื่อรถวิ่งมาถึงจุดเกิดเหตุ ถูกคนร้าย คือ นายเอกพล ขับขี่รถจยย.มาประกบทางด้านซ้ายแล้วกระชากกระเป๋าสะพาย LOUIS VUITTON ของ Miss Li Ni

 พ.ต.อ.ฤชากร กล่าวต่อว่า เมื่อ Miss Li Ni ถูกกระชากกระเป๋า ขณะนั่งอยู่บนรถสามล้อสาธารณะ จึงตัดสินใจกระโดดลงจากรถไปเกาะราวเหล็กหลังเบาะรถจยย.ของนายเอกพล ทำให้ Miss Li Ni ถูกลากไปกับถนนเป็นระยะทาง 15-20 เมตร ได้รับบาดเจ็บเป็นแผลถลอกทั่วขาและก้น และยังทำให้รถจยย.ของนายเอกพลเสียหลักล้มลง ระหว่างนั้นนายณกฤช สุวรรณเลิศ ซึ่งเป็นพลเมืองดี ขับรถแท็กซี่ผ่านมาเห็นเหตุการณ์ ได้ขับรถเข้าไปขวางรถจยย.ของนายเอกพล ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.บางรัก มาเห็นเหตุการณ์พอดี จึงได้ช่วยกันกับพลเมืองดีเข้าจับกุมนายเอกพล และช่วยเหลือ Miss Li Ni ที่ได้รับบาดเจ็บ

ส่วนรถสามล้อสาธารณะที่มีนายจงลักษ์เป็นคนขับได้หลบหนีไป ก่อนไปปล่อยให้ Miss Ren Min ลงจากรถระหว่างทาง ด้วยความตกใจและเป็นห่วงเพื่อน ได้รีบลงจากรถสามล้อโดยที่ยังไม่ได้เอาทรัพย์สินที่เป็นถุงเสื้อผ้ากับรองเท้าลงมาด้วย จากนั้นรถสามล้อก็ขับหนีออกไปอย่างรวดเร็ว

 พ.ต.อ.ฤชากร ยังกล่าวอีกว่า ภายหลังควบคุมตัวนายเอกพลมาสอบสวนที่สน.บางรัก ได้ให้การรับว่า ได้ร่วมกับนายจงลักษ์ คนขับรถสามล้อ ก่อเหตุกระชากกระเป๋าผู้เสียหาย โดยผู้ต้องหาทั้งสองคนนี้ มีอาชีพขับรถสามล้อตุ๊กๆ หรือรถสามล้อสาธารณะ จากนั้นทั้งคู่ได้มีการวางแผนโดยให้นายจงลักษ์ทำหน้าที่ขับรถสามล้อ เมื่อรับผู้โดยสารต่างชาติเป็นผู้หญิง ก็จะนัดหมายให้นายเอกพลขี่จยย. ตามประกบแล้วก่อเหตุเมื่อสบโอกาสในช่วงที่ถนนโล่ง

โดยระหว่างที่ขี่จยย.มาประกบนายจงลักษ์จะชะลอรถสามล้อเพื่อให้ก่อเหตุได้ง่ายขึ้น ต่อมาฝ่ายสืบสวนสน.บางรักได้ติดตามไปจับกุมนายจงลักษ์ ได้บริเวณถ.เพชรบุรี ซ.2 พร้อมกับของกลางที่เอาไปเก็บไว้ในห้องพัก

 สอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้ว 2 ครั้ง เนื่องจากขับสามล้อ เงินไม่พอใช้ มีภาระค่าใช้จ่ายเยอะ ทั้งค่าเช่าห้อง ค่านมลูกสองคน จึงร่วมกันสอบคนวางแผนก่อเหตุกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยเฉพาะผู้หญิง ทรัพย์สินที่ได้ถ้าเป็นเงินสดก็จะแบ่งครึ่งกัน ส่วนที่เป็นสิ่งของก็จะนำไปขายเอาเงินมาแบ่งกัน บางส่วนก็จะเก็บไว้ใช้เอง

 อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อคำให้การทั้งหมดของผู้ต้องหา จึงต้องมีการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทั้งสองคนมีการเสพยาเสพติด ซึ่งจากคำสารภาพว่าก่อเหตุเพื่อความจำเป็นหาเงินเลี้ยงดูลูกนั้น จึงเป็นแค่คำกล่าวอ้าง เบื้องต้นแจ้งข้อหา

- ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือเพื่อพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม 
- ลักทรัพย์ (โดยฉกฉวยซึ่งหน้า) ในเวลากลางคืน

ที่มา นสพ.ข่าวสดออนไลน์
Read more ...

จับได้แล้ว คนร้ายชิงทรัพย์ธนาคาร 2 แห่งในพื้นที่ บก.น.6

8 ก.ย. 2557
 
 
 
โดยข่าวสด เมื่อ 8 ก.ย.2557

จับแล้วโจรชุดดำปล้นแบงก์ออมสิน-หัวลำโพง ตามรวบได้คาห้องพักซอยพระราม 6 พร้อมเงินสดของกลาง รถจยย. ปืน 2 กระบอก สารภาพเคยบุกปล้นแบงก์กสิกรไทย สาขาวงเวียน 22 กรกฎา ได้เงินสดไป 8.1 แสนบาท เมื่อช่วงต้นปี รับสิ้นปล้นหาเงินเพราะติดผู้หญิง และต้องหาเงินไปใช้เที่ยวเตร่ยามราตรี

จากกรณีคนร้ายสวมเสื้อแจ๊กเกตสีดำ สวมกางเกงยีน สะพายกระเป๋าสีเข้ม และสวมถุงมือสีดำ ถือปืนบุกเดี่ยวเข้า

ปล้นธนาคารออมสิน สาขาหัวลำโพง ถนนพระราม 4 แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน 

กวาดเงินสดตามลิ้นชักเคาน์เตอร์เก็บเงินไปได้จำนวน 257,000 บาท ก่อนวิ่งไปขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปเมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 7 ก.ย.

พ.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ รอง ผบก.น.6 
พ.ต.อ.สินมนูญ์ พุทธิกุล รอง ผบก.น.6 
พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.3 บก.สส.บช.น. 
พ.ต.ท.พนม เชื้อทอง รอง ผกก.สส.สน.ปทุมวัน 
พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.สส.บช.น. 
ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.6 และ
ฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน 

ควบคุมตัว

นายสำราญ คำเสนา อายุ 40 ปี ชาวจ.มหาสารคาม 

ผู้ต้องหาก่อเหตุชิงทรัพย์

ธนาคารออมสิน สาขาหัวลำโพง ถนนพระราม 4 

ไปทำแผนประกอบคำสารภาพ

หลังเจ้าหน้าที่กก.สส.3 บก.สส.บช.น. ติดตามจับกุมตัวได้

ที่ห้องพักเลขที่ 339 ชั้น 2 ซอยพระรามหก 19 แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี 

พร้อมของกลาง

- เงินสดจำนวน 230,000 บาท 
- รถจักรยานยนต์คาวาซากิ รุ่นเคอาร์ สีน้ำเงิน ทะเบียน ธรบ 302 กทม. 
- อาวุธปืนบาร์เร็ตต้า 1 กระบอก อาวุธปืนกล็อก ขนาด 9 ม.ม. 1 กระบอก พร้อมกระสุนและ
- แมกกาซีน 4 อัน รองเท้าที่ใส่ในวันก่อเหตุ 2 คู่ 
- แผ่นป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์ปลอมอีกจำนวนหลายแผ่น 

เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา

โดยพ.ต.อ.นพศิลป์เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพฤติกรรมคนร้าย ลักษณะ รูปพรรณ และแผนประทุษกรรมของคนร้ายที่ได้จากกล้องวงจรปิด ภายในธนาคารออมสิน สาขาหัวลำโพง พบว่าคล้ายกับเหตุการณ์ที่คนร้ายเข้าไปก่อเหตุชิงทรัพย์ธนาคารกสิกรไทย เขตพลับพลาไชย เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยคนร้ายใช้หมวกกันน็อกสีดำ ลักษณะเดียวกัน อาวุธปืนสีดำ ก็ลักษณะเดียวกัน ดังนั้น คาดว่าคนร้ายอาจจะเป็นคนเดียวกัน อีกทั้งเส้นทางที่คนร้ายใช้หลบหนี จากถนนพระราม 6 ไปจนอาคารศรีจุลทรัพย์ เหมือนกัน 

เจ้าหน้าที่จึงติดตามแกะรอยจากภาพวงจรปิดที่ได้ หลังพบว่าภาพคนร้ายหายไปบริเวณซอยพระรามหก 19 จากนั้นเข้าสืบสวนบริเวณนั้น จนพบรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุจอดอยู่บริเวณหอพักภายในซอย จึงจัดกำลังเฝ้าติดตาม จนกระทั่งสามารถจับกุมนายสำราญไว้ได้ ส่วนป้ายทะเบียนปลอมที่พบในห้องพักคาดว่าน่าจะทำเตรียมไว้ก่อเหตุอีก เนื่องจากย่ามใจที่ตำรวจจับกุมตัวไม่ได้

จากการสอบสวนนายสำราญให้การ รับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุชิงทรัพย์ธนาคารกสิกรไทย สาขาพลับพลาไชย และธนาคารออมสิน สาขาหัวลำโพง เพราะต้องการเงินมาใช้จ่าย เนื่องจากติดพันผู้หญิงอยู่ จึงวางแผนไปชิงทรัพย์ธนาคารกสิกรไทยเมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา ครั้งนั้นได้เงินสดไปกว่า 8.1 แสนบาท โดยนำเงินที่ได้ไปใช้เที่ยวเตร่ในสถานบันเทิงย่านพัฒน์พงษ์ จนกระทั่งเงินหมด จึงเข้าไปก่อเหตุที่ธนาคารออมสินอีกครั้ง จนกระทั่งมาถูกจับ

โดย

จุดที่ 1  เจ้าหน้าที่นำตัวนายสำราญ ไปยัง

ห้องพัก ภายในซอยพระรามหก 19 แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี 

ซึ่งเป็นห้องพักที่นายสำราญใช้กบดานหลังก่อเหตุ 

จุดที่ 2 บริเวณภายในวัดบรมนิวาส ซึ่งหลังก่อเหตุแล้วจะขี่รถจักรยานยนต์มาจอดเปลี่ยนชุด ถอดหมวกกันน็อกและทะเบียนรถ แล้วหนีกลับไปที่ห้องพัก 

จุดที่ 3 บริเวณธนาคารออมสิน สาขาหัวลำโพง และ

จุดที่ 4 จุดสุดท้าย ธนาคารกสิกรไทย สาขาวงเวียน 22 กรกฎา ถนนมิตรพันธ์ แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย 

ก่อนควบคุมตัวไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อฝากขังต่อไป
Read more ...

สายตรวจพลับพลาไชย 2 จับหนุ่มวิ่งราวทรัพย์ย่าน รพ.กลาง

4 ก.ย. 2557
 
 
เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 57เวลาประมาณ 21.15 น. พ.ต.ท.สาธิต มิตรรัก รอง ผกก.ป.สน.พลับพลาไชย 2 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สน.พลับพลาไชย 2 พร้อมชุดจู่โจม สน.พลับพลาไชย 2  ได้ร่วมกันจับกุม

นายกู้เกียรติ โอ้ขาบุตร อายุ 22 ปี ชาว จ.บึงกาฬ 

พร้อมของกลางที่อยู่ในตัว ดังนี้

- กระเป๋าสะพาย 1 ใบ ราคา 1,800บาท 
- โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ซัมซุง โน๊ต 8.0 จำนวน 1 เครื่อง ราคา 13,000 บาท 
- โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ โนเกีย รุ่น ซี 1 จำนวน 1 เครื่อง ราคา 500 บาท 
- กระเป๋า 2 ใบราคา 200 บาท 
- เงินสด 1,600 บาท 
- ที่ชาร์ตแบตฯ มือถือ จำนวน 1 ตัว ราคา 2,000 บาท 

โดยกล่าวหาว่า วิ่งราวทรัพย์

พฤติการณ์การจับกุม ในวันดังกล่าว เวลาประมาณ 21.00 น. ขณะ น.ส.อังคณา เสียหาย เดินอยู่บริเวณหน้า รพ.กลาง ด้าน ถ.เสือป่า ได้ถูกนายกู้เกียรติ วิ่งมากระชากกระเป่าสะพายหลบหนีไป น.ส.อังคณา จึงร้องให้คนช่วยและติดตามไปทางซอยมังกร ตัด ถ.เจริญกรุง โดยมีพลเมืองดีและตำรวจช่วยวิ่งติดตามไป จนจับกุมตัวนายกู้เกียรติ คนร้ายไว้ด้วย ขณะหลบหนีไปซ่อนตัวบนหลังคาอาคารพาณิชย์ชั้น 2 ตรวจค้นพบทรัพย์สินของ น.ส.อังคณา อยู่กับตัวนายกู้เกียรติ เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัว นำส่งพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 ดำเนินคดี
Read more ...

รวบทันควัน ปืนปลอมปล้นธนาคารในสยามสแควร์ อ้างมีหนี้พนันบอล

2 ก.ย. 2557
โดยข่าวสด เมื่อ 3 ก.ย.2557

จับทันควันโจรควงปืนปลอมปล้นแบงก์ย่านสยามสแควร์ กวาดเงินแสนหลบหนี แต่รถจักรยานยนต์ที่เตรียมมาเกิดสตาร์ตไม่ติดเลยวิ่งหนี โปรยแบงก์เกลื่อนพื้น หวังอาศัยความชุลมุนหลบหนีแบบในหนัง แต่สุดท้ายไม่รอด ถูกอาสาสมัครตำรวจบ้านไล่จับเอาไว้ได้ สารภาพจะเอาเงินไปใช้หนี้พนันบอล เลยไปซื้อปืนปลอมมาก่อเหตุ

เมื่อเวลา 17.45 น. วันที่ 2 ก.ย.

พ.ต.ต. ชนินทร ง่วนสน พงส.ผนก.สน.ปทุมวัน 

รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนบุกเข้าชิงทรัพย์ภายในธนาคารกสิกรไทย สาขาสยามสแควร์ ซอย 7 ถนนพญาไท แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย

พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต รอง ผบช.น. 
พ.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ รอง ผบก.น.6 
พ.ต.อ.จารุต ศรุตยาพร ผกก.สน.ปทุมวัน 
พ.ต.ท.พนม เชื้อทอง รอง ผกก.สส.สน.ปทุมวัน และ
เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ 191

เมื่อไปถึงพบธนาคารที่เกิดเหตุอยู่ระหว่างสยามสแควร์ ซอย 7 และซอย 10 โดยมีพนักงานยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่ที่หน้าธนาคาร สอบสวนให้การว่าคนร้ายเป็นชาย สวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบสีดำ เสื้อคลุมลายพราง กางเกงขายาวสีดำ สวมรองเท้าผ้าใบ ใช้อาวุธปืนสีดำ บุกเข้ามาในธนาคาร ก่อนใช้อาวุธปืนจี้ข่มขู่พนักงานชิงเงินสดจำนวนประมาณ 122,890.50 บาท หลบหนีไป หลังสอบสวนเจ้าหน้าที่จึงรีบวิทยุสกัดจับ

ต่อมาอีก 10 นาที เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่าสามารถติดตามจับกุมคนร้ายไว้ได้ บริเวณทางออกซอยจุฬา 64 ห่างจากธนาคารประมาณ 200 เมตร จึงตามไปตรวจสอบ พบเจ้าหน้าที่ตำรวจและอส.ตำรวจบ้าน สน.ปทุม วัน กำลังควบคุมตัวชายสวมเสื้อคลุมลายพราง กางเกงขายาวสีดำ สวมรองเท้าผ้าใบ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ ในตัวพบอาวุธปืนปลอมสีดำ 1 กระบอก และถุงบรรจุเงินสด สอบสวนทราบชื่อต่อมาคือ

นายพรศักดิ์ แก้วชัยสิน อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1819/96 ซอยปริยานนท์ แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา 

จึงควบคุมตัวไปสอบสวนที่สน.ปทุมวัน

ด้านนายพรศักดิ์รับสารภาพว่าเป็นคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุชิงทรัพย์ธนาคารจริง เพราะต้องการหาเงินไปใช้หนี้พนันฟุตบอลจำนวน 100,000 บาท ซึ่งครบกำหนดที่ต้องหาเงินไปจ่ายในวันนี้ จึงวางแผนไปซื้อปืนปลอมบุกเข้ามาก่อเหตุที่ธนาคารนี้ เนื่องจากเคยรับจ้างขนแผงขายของอยู่บริเวณด้านหน้าสยามสแควร์ และเคยมาโอนเงินที่หน้าธนาคารหลายครั้ง จึงพอรู้เส้นทางหลบหนี

ส่วนทางด้าน

นายรชต วิเศษสัตย์ อาสาสมัครตำรวจบ้าน สน.ปทุมวัน 

ซึ่งร่วมจับกุมคนร้ายเปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็นได้รับแจ้งทางวิทยุว่ามีชายบุกชิงทรัพย์ธนาคารกสิกรไทย สาขาสยามสแควร์ จึงรีบมาที่เกิดเหตุ ก็เห็นคนร้ายกำลังใช้อาวุธปืนข่มขู่ และล็อกคอพนักงานธนาคารหญิงพาเดินไปที่เคาน์เตอร์ หลังได้เงินแล้วคนร้ายก็รีบวิ่งหลบหนีไปขึ้นรถจักรยาน ยนต์ที่จอดไว้ในซอยจุฬา 64 แต่ปรากฏว่ารถ สตาร์ตไม่ติด จึงทิ้งรถวิ่งหลบหนี ระหว่างทางยังได้โปรยเงินทิ้งตามทาง เพื่อหวังให้คนหยิบเงินสร้างความชุลมุนเหมือนในหนัง แต่ก็ไปไม่รอดถูกพวกตนวิ่งตามจับไว้ได้

พ.ต.อ.จารุตเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบแล้ว พบว่านายพรศักดิ์ไม่ใช่คนร้ายที่เคยก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์ที่ธนาคารออมสิน สาขาหัวลำ โพง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืนปลอม ก่อนนำตัวส่งพงส.ดำเนินคดีต่อไป
Read more ...