พล.ต.ต.วัลลภ ประทุมเมือง ผบก.น.6
พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ สายันประเสริฐ ผกก.สน.พลับพลาไชย 2
พ.ต.ท.ปกาศิต สอดจันทร์ สว.สส. และ
เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน แถลงผลการจับกุม
1. นายธนพล หรือตั้ม กล้าหาญ อายุ 29 ปี และ
2. น.ส.ศุภศิริ หรือพลอย คุปต์วิวัฒน์ อายุ 30 ปี สองสามีภรรยา
ร่วมกันก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์มาหลายท้องที่ พร้อมของกลาง
- รถ จยย.ฮอนด้า เวฟ สีเขียว ทะเบียน มวต 799 กรุงเทพมหานคร
- หมวกนิรภัยแบบเต็มใบ 2 ใบ
- เสื้อผ้าที่ใช้ก่อเหตุ 1 ชุด
- กระเป๋าสะพายแบบผู้หญิง 1 ใบ
- กระเป๋าสตางค์แบบผู้หญิง 1 ใบ
- นาฬิกาข้อมือ 1 เรือน และ
- บัตรประชาชนผู้เสียหายที่เป็นผู้หญิง
- บัตรอิเล็กทรอนิกส์ อีกกว่า 20 ใบ
โดยจับกุมตัวได้ที่ห้องพักกลางซอยจรัญสนิทวงศ์ 57 แขวงและเขตบางพลัด กทม.
พล.ต.ต.วัลลภ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากช่วงต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พลับพลาไชย 2 ได้รับแจ้งเหตุวิ่งราวทรัพย์ โดยผู้เสียหายเป็นสตรีในท้องที่รับผิดชอบมาแล้วหลายราย จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่ามีคนร้าย ใช้รถ จยย.เป็นยานพาหนะ
พล.ต.ต.วัลลภ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากช่วงต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พลับพลาไชย 2 ได้รับแจ้งเหตุวิ่งราวทรัพย์ โดยผู้เสียหายเป็นสตรีในท้องที่รับผิดชอบมาแล้วหลายราย จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่ามีคนร้าย ใช้รถ จยย.เป็นยานพาหนะ
แบ่งหน้าที่สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาตระเวนก่อเหตุ จำนวนทั้งสิ้น 3 คน มีนายธนพล เป็นผู้ขับขี่รถ จยย.พา น.ส.ศุภศิริ ภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ได้ประมาณ 7 เดือน มาเป็นผู้กระชากกระเป๋า
ในบางครั้งนายธนพลจะสลับพาเพื่อนที่ยังหลบหนีอีก 1 คน ชื่อ
นายแบงค์ (นามสมมุติ) อายุประมาณ 40 ปี
ซ้อนท้ายมาร่วมก่อเหตุด้วย จากการตรวจสอบพฤติกรรมและรูปพรรณต่างๆ ยังทราบอีกว่า คนร้ายทั้ง 3 คน ร่วมกันก่อเหตุลักษณะนี้อีกหลายท้องที่ทั้ง สน.จักรวรรดิ สน.พญาไท สน.มักกะสัน และสน.ชนะสงคราม จึงเร่งแจกจ่ายรูปพรรณของคนร้ายและยานพาหนะที่ใช้ไปตามโรงพักต่างๆ เพื่อหาเบาะแส
กระทั่งได้รับการติดต่อจากฝ่ายสืบสวนสน.บางยี่เรือ ว่าพบสามีและภรรยาผู้ต้องสงสัยไปปรากฏตัวที่ปากซอยหิรัญรูจี แขวงและเขตธนบุรี จึงติดตามไปสังเกตการณ์และสะกดรอยตามไปถึงห้องพักก่อนรวบตัวและยึดของกลางทั้งหมดเอาไว้ได้ภายในห้องดังกล่าว
จากการสอบสวน นายธนพลให้การว่า ตนรู้จักกับนายแบงค์ ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมานานนับ 10 ปี และชักชวนกันก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์เหยื่อเฉพาะที่เป็นสตรีมานับครั้งไม่ถ้วน จนระยะหลังทะเลาะกันเลยต้องชักชวน น.ส.ศุภศิริภรรยามาร่วมก่อเหตุแทน โดยก่อนหน้านี้ตนคบหาน.ส.ศุภศิริมาได้ 1 ปี จึงตัดสินใจมีลูกด้วยกันกำลังตั้งครรภ์อยู่ในท้อง 7 เดือน
จากการสอบสวน นายธนพลให้การว่า ตนรู้จักกับนายแบงค์ ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมานานนับ 10 ปี และชักชวนกันก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์เหยื่อเฉพาะที่เป็นสตรีมานับครั้งไม่ถ้วน จนระยะหลังทะเลาะกันเลยต้องชักชวน น.ส.ศุภศิริภรรยามาร่วมก่อเหตุแทน โดยก่อนหน้านี้ตนคบหาน.ส.ศุภศิริมาได้ 1 ปี จึงตัดสินใจมีลูกด้วยกันกำลังตั้งครรภ์อยู่ในท้อง 7 เดือน
นอกจากนี้ น.ส.ศุภศิริ มีลูกชายวัยกว่า 2 ขวบ ซึ่งเกิดจากสามีเก่า ทำให้รายได้ไม่พอใช้จ่าย ต้องหาค่าเช่าห้องให้ได้เดือนละ 2,700 บาท ประกอบกับตนต้องเสพยาบ้าทุกวัน วันละ 1 เม็ด
ส่วน น.ส.ศุภศิริก็ติดยาไอซ์งอมแงม แม้กำลังตั้งท้องก็ยังไม่เลิกเสพ ทั้งนี้เมื่อตนขับรถ จยย.ไปจอดใกล้ๆเหยื่อ แล้วให้ภรรยาเป็นผู้วิ่งราวทรัพย์มาได้แล้วก็จะนำเงินสดไปใช้ ส่วนทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ จะนำไปขายให้พ่อค้าย่านคลองหลอด สำหรับบัตรต่างๆ ของผู้เสียหายส่วนหนึ่งจะนำไปทิ้งในถังขยะหน้าห้องพักซึ่งตรงกับหลังบ้านนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี
ทางด้าน น.ส.กุลวนีย์ อินทร์แก้ว อายุ 25 ปี หนึ่งในผู้เสียหายซึ่งเป็นญาติกับพล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว รอง ผบช.สตส. เดินทางมาดูของกลางด้วย พร้อมเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนไปนั่งกินผัดไทกับเพื่อนที่แยกราชเทวี ท้องที่ สน.พญาไท โดยนำกระเป๋าสะพายภายในบรรจุเงินสด 3,000 บาท มีเอกสารสำคัญ และกุญแจห้องพักวางเอาไว้บนตัก
ทางด้าน น.ส.กุลวนีย์ อินทร์แก้ว อายุ 25 ปี หนึ่งในผู้เสียหายซึ่งเป็นญาติกับพล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว รอง ผบช.สตส. เดินทางมาดูของกลางด้วย พร้อมเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนไปนั่งกินผัดไทกับเพื่อนที่แยกราชเทวี ท้องที่ สน.พญาไท โดยนำกระเป๋าสะพายภายในบรรจุเงินสด 3,000 บาท มีเอกสารสำคัญ และกุญแจห้องพักวางเอาไว้บนตัก
ทันใดนั้นมีคนร้ายขี่รถจยย.มาจอดด้านหลัง ก่อนที่ผู้ต้องหาผู้หญิงจะลงจากรถมากระชากกระเป๋าวิ่งขึ้นซ้อนท้ายรถ ก่อนหลบหนีไป อย่างไรก็ตามตนขออโหสิกรรมให้ทุกอย่างเพราะเห็นแก่เด็กในท้อง อย่างไรก็ตามหากพ้นโทษออกมาแล้วอย่าไปทำอย่างนี้กับใครอีกก็พอ