จับกุมผู้ต้องหาร่วมกันชิงทรัพย์นักศึกษา ก่อเหตุหลายครั้ง

31 ม.ค. 2558
ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เร่งรัดสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดในคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญและคดีที่เป็นที่สนใจของประชาชน ซึ่งในขณะนี้ ได้มีการนำเสนอข้อมูลข่าวสารผ่านทางสื่อหลายแขนง ถึงเหตุการณ์ที่คนร้ายได้ร่วมกันก่อเหตุอย่างอุกอาจต่อนักเรียนนักศึกษาที่พักอาศัยและสัญจรผ่านบริเวณพื้นที่ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยหลายเหตุการณ์และสร้างความเดือดร้อนให้กับนักเรียนนักศึกษาอย่างต่อเนื่อง

กองบัญชาการตำรวจนครบาลภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น., พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ,พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช, พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข , พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต , พล.ต.จิตติ รอดบางยาง, พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รอง ผบช.น.ได้สั่งการให้ติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว

ต่อมา วันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๘ เวลาประมาณ ๑๑.๐๐ น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.๖, พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน, พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ รอง ผบก.น.๖

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน นำโดย พ.ต.อ.จารุต ศรุตยาพร ผกก.สน.ปทุมวัน,พ.ต.ท.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ รอง ผกก.สส.ฯ,พ.ต.ท.ภูเมศ อั๊งสุวรรณกูล ,พ.ต.ท.บุญฤทธิ์ เสียงใส สว.สส.สน.ปทุมวัน พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน

เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.๖ โดย พ.ต.อ.นพสิทธิ์ มิตรภักดี ผกก.สส.บก.น.๖, พ.ต.ท.บุรี ศรีหล้า, พ.ต.ท.ศาสตรา อ่อนรัศมี รอง ผกก.ฯ, พ.ต.ท.เฉลิมพล จุมปูอา,พ.ต.ท.สุรวิทย์ โยนจอหอ, พ.ต.ท.ยุทธนา จาตุรัตน์ สว.กก.สส.บก.น.๖ พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน

เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางรัก โดย พ.ต.อ.นคร ทองพานิช ผกก.สส.,พ.ต.ท.จิรกฤต จารุนภัทร์ รอง ผกก.สส.ฯ, พ.ต.ท.วิทวัส บูรณะ, พ.ต.ท.สาธิต สอนชา สว.สส.ฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน

เจ้าหน้าที่ทหาร ม.พัน ๑ รอ. โดย พ.ท.ภาสกร กุลวิวรรณ ผบ.ม.พัน ๑ รอ., พ.ต.วิฑิต ไตรนภากุล รอง ผบ.พันฯ, ร.ท.ครรชิต ปัญญาปรุ, จ.ส.อ.อภิศักดิ์ กันธิยา, จ.ส.อ.อนุลักษณ์ บุปผาจีน,จ.ส.อ.ทวิทย์ สนามพรหม,จ.ส.อ.ปณต ไวยคุณา ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว

๑) นายรวิหรือเป้ ซิ้มประเสริฐ อายุ ๑๙ ปี อยู่ที่ ๘๘/๑๘๖ หมู่ที่ ๙ ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ ๕๑/๒๕๕๘ ลง ๓๐ ม.ค. ๒๕๕๘

๒) นายทรงฤทธิ์หรือตง ปุตตะจินารักษ์ อายุ ๒๐ ปี อยู่ที่ ๑๐๔๕ ถ.พระราม ๔ แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ ๕๐/๒๕๕๘ ลง ๓๐ ม.ค. ๒๕๕๘

(เคยต้องโทษคดีร่วมกันวิ่งราวทรัพย์ฯ สน.พลับพลาไชย ๑ เมื่อวันที่ ๑๙ มี.ค.๕๖ และเคยต้องโทษคดีเสพยาเสพติด สน.ดินแดง เมื่อวันที่ ๒ พ.ย. ๕๗)

๓) นายวีรัชภัทรหรือแป๊ะ เกษมจิราณัฏฐ์ อายุ ๑๙ ปี อยู่ที่ ๔๘/๑ ซ.รามอินทรา ๑๑๗ แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ ๕๕/๒๕๕๘ ลง ๓๐ ม.ค. ๒๕๕๘

ของกลาง

๑. รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นเวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน งฉพ-๔๒๗ เชียงใหม่ จำนวน ๑ คัน
๒. เสื้อผ้าที่สวมใส่ในการก่อเหตุ
๓. หมวกกันน็อกสีน้ำตาลคาดส้ม จำนวน ๑ ใบ

ทรัพย์ถูกประทุษร้ายได้คืน

๑. ธนบัตรดอลลาร์สหรัฐอเมริกา รวม ๖ ดอลลาร์ (เหตุที่ ๑)
๒. ธนบัตรรัฐบาลไทย ฉบับละ ๑,๐๐๐ บาท รวม ๑๕,๐๐๐ บาท (เหตุที่ ๑)
๓. โทรศัพท์มือถือ Hauwei จำนวน ๑ เครื่อง (เหตุที่ ๒)
๔. รองเท้าผ้าใบ ยี่ห้อ Vans สีเทา จำนวน ๑ คู่ (เหตุที่ ๔)
๕. โทรศัพท์มือถือ ไอโฟน ๕ จำนวน ๑ เครื่อง (เหตุที่ ๖)
๖. เครื่อง Samsung Tablet จำนวน ๑ เครื่อง (เหตุที่ ๖)
๗.นาฬิกาข้อมือยี่ห้อ คาสิโอ จำนวน ๑ เรือน (เหตุที่ ๗)

โดยกล่าวหาว่า “ ร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ”

วันเวลาสถานที่จับกุม - จับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง ๓ ราย ที่ กก.สส.บก.น.๖ เมื่อวันที่ ๓๐ ม.ค.๒๕๕๘ เวลา ๑๑.๐๐ น.

พฤติการณ์กล่าวคือ

คดีที่หนึ่ง เมื่อวันที่ ๒๓ ม.ค. ๒๕๕๘ เวลาประมาณ ๑๗.๑๐ น.นายทรงฤทธิ์หรือตงฯได้ร่วมกันกับนายรวิหรือเป้ฯ ทำการก่อเหตุร่วมกันชิงทรัพย์เอาทรัพย์สิน ( เงินธนบัตรไทยจำนวน ๑๕,๐๐๐ บาท,ธนบัตรดอลลาร์สหรัฐ จำนวน ๑๕ ดอลลาร์) ผู้เสียหายเป็นนักเรียนโรงเรียนสาธิตปทุมวัน จำนวน ๒ คน โดยนายทรงฤทธิ์หรือตงฯข่มขู่จะทำร้ายร่างกายหากขัดขืน โดยมีนายรวิหรือเป้ฯยืนคุมเชิงอยู่ เมื่อได้ทรัพย์สินก็ได้พากันหลบหนีไป เหตุเกิดบริเวณซอยจุฬาลงกรณ์ ๔๒ (สน.ปทุมวัน)

คดีที่สอง เมื่อวันที่ ๒๔ ม.ค. ๒๕๕๘ เวลาประมาณ ๑๗.๐๐ น. นายทรงฤทธิ์หรือตงฯได้ร่วมกันกับนายวีรัชภัทรหรือแป๊ะฯทำการก่อเหตุร่วมกันชิงทรัพย์เอาทรัพย์สิน ( เงินธนบัตรไทยจำนวน ๔๐๐ บาท,โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Hauwei จำนวน ๑ เครื่อง) ผู้เสียหายเป็นนักเรียนโรงเรียนหอวัง จำนวน ๒ คน โดยนายทรงฤทธิ์หรือตงฯข่มขู่จะทำร้ายร่างกายหากขัดขืน ส่วนนายวีรัชภัทรหรือแป๊ะฯยืนคุมเชิงอยู่ เมื่อได้ทรัพย์สินแล้วก็ได้พากันหลบหนีไป เหตุเกิดบริเวณ ถ.อังรีดูนังต์ ใกล้ประตูโรงเรียน สาธิต มศว. (สน.ปทุมวัน)

คดีที่สาม เมื่อวันที่ ๒๖ ม.ค.๒๕๕๘ เวลาประมาณ ๑๑.๑๓ น. นายทรงฤทธิ์หรือตงฯได้ร่วมกันกับนายรวีหรือเป้ฯ ทำการก่อเหตุร่วมกันชิงทรัพย์เอาทรัพย์สิน เป็นเงินสดจำนวน ๑,๖๐๐ บาท ผู้เสียหายเป็นนักเรียนโรงเรียนสาธิต มศว. จำนวน ๔ คน โดยนายทรงฤทธิ์หรือตงฯข่มขู่จะใช้อาวุธปืนที่นายรวิหรือเป้ฯพกมาด้วย ยิงทำร้ายร่างกายหากขัดขืน ส่วนนายรวิหรือเป้ฯนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์คุมเชิงอยู่ เมื่อได้ทรัพย์สินแล้วก็ได้พากันขับขี่รถ จยย. หลบหนีไป เหตุเกิดบริเวณ ถ.อังรีดูนังต์ ใล้กับประตูโรงเรียนสาธิต มศว. (สน.ปทุมวัน)

คดีที่สี่ เมื่อวันที่ ๒๗ ม.ค. ๒๕๕๘ เวลาประมาณ ๐๙.๐๐ น. นายทรงฤทธิ์หรือตงฯได้ร่วมกันกับ นายรวิหรือเป้ฯ ทำการก่อเหตุร่วมกันชิงทรัพย์เอาทรัพย์สิน เป็นเงินสดจำนวน ๑๐๐ บาท และรองเท้าผ้าใบยี่ห้อ VANS ผู้เสียหายเป็นนักศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน ๑ คน โดยนายทรงฤทธิ์หรือตงฯ ข่มขู่จะใช้อาวุธปืนที่นาย รวิหรือเป้ฯ พกมาด้วย ยิงทำร้ายร่างกายหากขัดขืน ส่วนนายรวิหรือเป้ฯ นั่งคร่อมรถจักรยานยนต์คุมเชิงอยู่ เมื่อได้ทรัพย์สินแล้วก็ได้พากันหลบหนีไป เหตุเกิดที่บริเวณ ซ.จุฬาลงกรณ์ ๒๒ ใกล้กับประตูธรรมสถาน (สน.ปทุมวัน)

คดีที่ห้า เมื่อวันที่ ๒๗ ม.ค.๒๕๕๘ เวลาประมาณ ๐๙.๑๕ น.นายทรงฤทธิ์หรือตงฯ ได้ร่วมกันกับนายรวิหรือเป้ฯ ทำการก่อเหตุพยายามจะชิงทรัพย์เอาทรัพย์สินของผู้เสียหาย ผู้เสียหายเป็นนักศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน ๑ คน โดยนายทรงฤทธิ์หรือตงฯ ข่มขู่จะใช้อาวุธปืนที่นายรวิหรือเป้ฯ พกมาด้วยยิงทำร้ายร่างกายหากขัดขืน ส่วนนายรวิหรือเป้ฯ นั่งคร่อมรถจักรยานยนต์คุมเชิงอยู่ แต่มีพลเมืองดีขับขี่รถผ่านมา ผู้เสียหายจึงหลบหนีขึ้นรถ จยย.แล้วออกมาจากบริเวณที่เกิดเหตุ นายทรงฤทธิ์หรือตงฯ และนายรวิหรือเป้ฯ จึงได้พากันหลบหนีไป เหตุเกิดที่บริเวณด้านหน้าสนามฟุตบอลจุฬาลงกรณ์(สน.ปทุมวัน)

คดีที่หก เมื่อวันที่ ๒๗ ม.ค.๒๕๕๘ เวลาประมาณ ๐๙.๓๓ น.นายทรงฤทธิ์หรือตงฯ ได้ร่วมกันกับนายรวิหรือเป้ฯ ทำการก่อเหตุร่วมกันชิงทรัพย์เอาทรัพย์สิน เป็นเงินสดจำนวน ๑๐๐ บาท,โทรศัพท์มือถือ ไอโฟน ๕ จำนวน ๑ เครื่อง, เครื่อง Samsung Tablet จำนวน ๑ เครื่อง ผู้เสียหายเป็นนักศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน ๑ คน โดยนายทรงฤทธิ์หรือตงฯข่มขู่จะใช้อาวุธปืนที่นายรวิหรือเป้ฯพกมาด้วย ยิงทำร้ายร่างกายหากขัดขืน ส่วนนาย รวิหรือเป้ฯนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์คุมเชิงอยู่ เมื่อได้ทรัพย์สินแล้วก็ได้พากันหลบหนีไป เหตุเกิดที่บริเวณริมถนนซอยจุฬา ๔๒ (สน.ปทุมวัน)

คดีที่เจ็ด เมื่อวันที่ ๒๖ ม.ค. ๒๕๕๘ เวลาประมาณ ๑๑.๐๐ น. นายทรงฤทธิ์หรือตงฯ ได้ร่วมกันกับนายรวิหรือเป้ฯ ทำการก่อเหตุร่วมกันชิงทรัพย์เอาทรัพย์สิน เป็นเงินสดจำนวน ๒,๐๐๐ บาท,นาฬิกาข้อมือ ยี่ห้อ คาสิโอ จำนวน ๑ เรือน, ผู้เสียหายเป็นนักศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน ๑ คน โดยนายทรงฤทธิ์หรือตงฯข่มขู่จะใช้อาวุธปืนที่นายรวิหรือเป้ฯ พกมาด้วย ยิงทำร้ายร่างกายหากขัดขืน ส่วนนายรวิหรือเป้ฯยืนคุมเชิงอยู่ เมื่อได้ทรัพย์สินแล้วก็ได้พากันหลบหนีไป เหตุเกิดที่บริเวณปากซอยเจริญกิจ ถ.พระราม ๔ (สน.บางรัก)

จากการสอบถามปากคำ ผู้ต้องหาทั้ง ๓ รายให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกันกระทำความผิดจริง
Read more ...

ผบช.น. เตือนภัยผู้ที่ชอบซื้อ-ขายสินค้าทางเว็บไซต์ อย่าตกเป็นเหยื่อ!!!!

31 ม.ค. 2558
เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2558 ที่ธรรมสถาน ซอยจุฬา22

พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พร้อมด้วย 
พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 , 
พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน รอง ผบก.น.6 
พ.ต.อ.ภพธร จิตต์หมั่น ผกก.สน.จักรวรรดิ 

ร่วมกันแถลงข่าวเตือนภัยผู้ที่ชอบซื้อ-ขายสินค้าผ่านทางเว็บไซด์ ( E-Commerce ) โดยผู้ซื้อ-ขายจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจเสียก่อนจะทำการโอนเงินค่าสินค้า ดังกล่าว เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงและอาจทำให้เสียเงินได้ โดยมีกรณีศึกษา คือ "พยายามฉ้อโกง" แต่เนื่องจากผู้เสียหายไหวตัวทันเสียก่อน จึงแจ้งตำรวจและซ้อนแผนจับกุมตัวไว้ได้

โดยมีรูปแบบการกระทำความผิดดังนี้

1.นายกิตติวัฒน์ คล้ายสุบรรณ ( ผู้ถูกจับ ) เข้าไปดูสินค้าที่ลงประกาศขายไว้ใน internet จำพวกสร้อยคอทองคำ กรอบพระทองคำ และได้ติดต่อขอซื้อกรอบพระทองคำที่นายเอกณัฏฐ์ อมรโรจนภัสร์ ( ผู้เสียหาย ) ลงขายไว้ในราคา 29,000 บาท

2.นายกิตติวัฒน์ฯ นำรูปพระเครื่องมาลงประกาศขายใน www.olx.com ในราคาที่สูงกว่าราคาสินค้าที่ติดต่อไว้แต่แรก(เผื่อต่อรองราคา) โดยลงขายพระเครื่อง 2 องค์ ในราคา 31,000 บาท

3.นายธัญญ์ธวัช วัฒนากร เข้าไปดูพระเครื่องที่ นายกิตติวัฒน์ฯ ลงประกาศขายไว้ แล้วได้ตกลงซื้อพระเครื่อง 2 องค์โดยต่อรองกันในราคา 29,000 บาท(เท่ากับราคาที่นายกิตติวัฒน์ฯ ขอซื้อกรอบพระทองคำจากนายเอกณัฏฐ์)

4.เมื่อตกลงราคากันเป็นที่เรียบร้อยนายกิตติวัฒน์ฯ ได้ส่งเลขบัญชีธนาคารให้นายธัญญ์ธวัชฯ เพื่อให้ชำระราคาค่าพระเครื่อง แต่เมื่อนายธัญญ์ธวัชฯ ได้รับเลขบัญชีแล้ว ได้ตรวจสอบพบว่าเป็นเลขบัญชีของนายเอกณัฏฐ์ฯ จึงได้โทรสอบถามนายเอกณัฏฐ์ฯ จึงทราบว่าถูกหลอก จึงได้ตกลงกันวางแผนล่อซื้อ

โดยนายเอกณัฏฐ์ฯ ได้โอนเงินผ่านตู้ ATM เข้าบัญชีของตนเอง แล้วส่งสลิปการโอนเงินดังกล่าวไปให้นายธัญญ์ธวัชฯ เมื่อนายธัญญ์ธวัชฯ ได้รับสลิปดังกล่าวแล้ว จึงส่งให้นายกิตติวัฒน์ฯ ดูเพื่อแจ้งว่าได้โอนเงินให้แล้ว

5.เมื่อนายกิตติวัฒน์ฯ ได้รับสลิปแล้วจึงเข้าใจว่าได้มีการโอนเงินแล้ว จึงแจ้งให้นายเอกณัฏฐ์ฯ ว่าได้โอนเงินให้แล้ว และได้ตกลงกันมารับสินค้าที่บริเวณสะพานเหล็กแขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ

นายเอกณัฏฐ์ฯ จึงมาแจ้งความที่ สน.จักรวรรดิ เกี่ยวกับการกระทำความผิดที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นจึงได้เดินทางไปยังสถานที่นัดหมายส่งมอบสินค้าเพื่อพบกับนายกิตติวัฒน์ฯ และเชิญตัวนายกิตติวัฒน์ มาสน.จักรวรรดิ ด้วยความยินยอมสมัครใจ
Read more ...

ฝ่ายป้องกันปราบปราม สน.บางรัก ซุ่มโป่งจับกุมผู้ต้องหาร่วมกันปล้นทรัพย์รถ จยย.

28 ม.ค. 2558
ฝ่ายป้องกันปราบปราม สน.บางรัก จับกุมผู้ต้องหาร่วมกันปล้นทรัพย์ รถจักรยานยนต์ โดย มีพติการณ์ดังนี้

เมื่อวันที่ ๒๗ ม.ค.๕๘ เวลา ๑๑.๐๐ น. ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล

พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.
พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต รอง ผบช.น.
พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.๖
พ.ต.อ.อุทาสิน ฤทธิ์เรืองเดช รอง ผบก.น.๖
พ.ต.อ.นคร ทองพานิช ผกก.สน.บางรัก
พ.ต.ท.กัมปนาท เศรษฐ์ฤทธิกุล รอง ผกก.ป.สน.บางรัก
พ.ต.ท.เดโช สมศรีธนาเดช สวป.สน.บางรัก

ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม

นายเอกมงคล พาผล อายุ ๑๙ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๒๗๙/๑ หมู่ ๔ ต.พระแก้ว อ.สังขะ จ.สุรินทร์
พร้อมด้วยของกลาง คือ

รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า รุ่น MSX สีดำ จำนวน ๑ คัน

โดยกล่าวห่าว่า "ปล้นทรัพย์ หรือ รับของโจร"

พฤติการณ์ คือ เมื่อวนที่ ๑๒ ม.ค.๕๘ เวลาประมาณ ๐๐.๔๕ น. ขณะที่ผู้เสียหายขับขี่รถจักรยานยนต์ของกลางดังกล่าว อยู่บนถนนกัลปพฤกษ์ ได้มีกลุ่มคนร้ายประมาณ ๘ คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ มาจำนวน ๖ คัน เข้ามาประกบรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย แล้วใช้อาวุธมีดขู่และรุมทำร้ายผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ แล้วปล้นเอารถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไป

เหตุเกิดท้องที่ สน.บางขุนเทียน

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสืบสวนทราบว่า หนึ่งในกลุ่มคนร้ายหลบหนีมาอยู่ในพื้นที่ สน.บางรัก จึงได้ร่วมกันซุ่มโป่งและจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่บริเวณปากซอยนราธิวาส ๑ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
Read more ...

สืบสวนปทุมวันรวบแก๊งวิ่งราวทรัพย์

26 ม.ค. 2558
ชุดสืบสวนปทุมวันติดตามจับกุมคนร้ายก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ในท้องที่ต่างๆ รวม 3 คดีได้ผู้ต้องหารวม 3 ราย โดยมีพฤติกรรมขับขี่ จยย.กระชากสร้องคอทองคำผู้เสียหายก่อนขี่ จยย.หลบหนีไป

วันนี้ (26 ม.ค.2558) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)

พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. 
พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช 
พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต 
พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง รอง ผบช.น. พร้อมด้วย 
พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 
พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน 
พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ รอง ผบก.น.6 
พ.ต.อ.จารุต ศรุตยาพร ผกก.สน.ปทุมวัน 
พ.ต.ท.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ รอง ผกก.สส. 
พ.ต.ท.ภูเมศ อั๊งสุวรรณกูล และ 
พ.ต.ท.บุญฤทธิ์ เสียงใส สว.สส.สน.ปทุมวัน 

ร่วมกันแถลงผลการจับกุม

1. นายกฤตนัย หรือหมี ศิลาวัชรพล อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.2/2558 ลงวันที่ 5 ม.ค. 58 และหมายจับศาลอาญา ที่ 160/2558 ลงวันที่ 25 ม.ค.58 

2. นายบารมี หรือบาร์ บุญอนันต์  อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.7/2558 ลงวันที่ 9 ม.ค. 58 และ

3. นายทวีศักดิ์ หรือต้น วันยุมา  อายุ 24 ปี 

พร้อมของกลาง

- รถจักรยานยนต์ยามาฮ่ามีโอ สีแดง-ดำ หมายเลขทะเบียน 1 กฎ 1678 กทม. จำนวน 1 คัน 
- สร้อยทองคำหนัก 1 บาท 1 เส้น 

โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งสามต่างสถานที่กัน ประกอบด้วย 

นายกฤตนัย ถูกจับกุมได้บริเวณตรอกเภตรา ถนนบรรทัดทอง แขวงและเขตราชเทวี กทม. 

นายบารมี ถูกจับกุมได้บริเวณซอยเพชรบุรี 10 แขวงและเขตราชเทวี กทม. และ

นายทวีศักดิ์ ถูกจับกุมในพื้นที่ของ สน.ปทุมวัน 

ในข้อหาร่วมกันวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อการกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม

พ.ต.ท.ภูเมศกล่าวว่า ผู้ค้องหาทั้ง 3 คนได้ก่อเหตุทั้ง 3 พื้นที่ซึ่งเป็นของ สน.ปทุมวัน อาทิ 

คดีที่ 1 เกิดเหตุเมื่อวันที่ 22 ก.ค.57 บริเวณปากซอยจุฬา 12 ตัดถนนพญาไท ถนนพญาไท แขวงและเขตปทุมวัน กทม. 

นายกฤตนัย 
นายทวีศักดิ์ 
นายสุรพล เปิ้นสันเทียะ หรือเบนซ์ (ถูกจับกุมแล้ว) และ
นายจ่า (ไม่ทราบชื่อจริงนามสกุลจริง) 

ขับขี่จักรยานยนต์ตระเวนมาตามเส้นทางดังกล่าวจำนวน 2 คัน โดยมีนายสุรพลเป็นคนขับ นายกฤตนัยเป็นคนซ้อน ส่วนอีกคันนายทวีศักดิ์เป็นคนขับ และนายจ่าซ้อนท้าย เมื่อถึงจึดเกิดเหตุนายกฤตนัยกระชากสร้ายคอจาก น.ส.พิมพ์นิภา ถิรภิญญาพัชร์ อายุ 21 ปี โดยมีนายทวีศักดิ์และนายจ่าที่ขับขี่จักรยานยนต์อีกคันหนึ่ง ตอยดูต้นทาง ก่อนจะหลบหนี

คดีที่ 2 เกิดเหตุเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 57 บริเวณหน้าธนาคารกรุงเทพ สาขาหัวลำโพง ถนนพระราม 4 แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กทม. 

นายบารมี นายตี๋ (ไม่ทราบชื่อจริงนามสกุลจริง) 
นายนัท (ไม่ทราบชื่อจริงนามสกุลจริง) 
นายตั้ม (ไม่ทราบชื่อจริงนามสกุลจริง) และ
นายปุ๊ (ไม่ทราบชื่อจริงนามสกุลจริง) 

ขับขี่จักรยานยนต์มาตามทางจำนวน 3 คัน 
โดยคันแรกนายตี๋เป็นคนขับ มีนายนัทซ้อนท้าย คันที่ 2 นายบารมีเป็นคนขับ มีนายตั้มเป็นคนซ้อนท้าย และคันที่ 3 นายปุ๊ขับ ไม่มีผู้ซ้อนท้าย เมื่อถึงจุดเกิดเหตุ จักรยานยนต์ที่มีนายตั้มเป็นคนขับและมีนายนัทเป็นคนซ้อนท้าย กระชากสร้อยทองของผู้เสียหายไปหนัก 2 บาท จำนวน 1 เส้นแล้วหลบหนี ระหว่างนั้นนายบารมี นายตั้ม และนายปุ๊ทำหน้าที่คอยคุ้มกันและดูต้นทาง

คดีที่ 3 เกิดเหตุเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 58 บริเวณหน้าธนาคารทหารไทย สาขาบางลำพู ถนนสิบสามห้าง แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กทม. 

นายกฤตนัย 
นายทวีศักดิ์ 
นายนรากร หรัญรัตน์ หรือมาร์ค และ
นายพรเทพ พุ่มเพชร หรือเพชร 

ขับขี่จักรยานยนต์มา 2 คัน โดยมีนรากรเป็นคนขับและนายกฤตนัยเป็นคนซ้อนท้าย ทำการกระชากสร้อยคอจากผู้เสียหายหนักประมาณ 1 บาท จำนวน 1 เส้นแล้วหลบหนี ระหว่างนั้นนายทวีศักดิ์ และนายพรเทพ ทำหน้าที่คอยคุ้มกัน และดูต้นทางให้

จากการสืบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 คนรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง ทำมาแล้ว 3 ครั้ง และตระเวนก่อเหตุเช่นนี้ในพื้นที่อื่นๆ อีกซึ่งอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนขยายผลเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

ที่มาผู้จัดการออนไลน์ เมื่อ 26 ม.ค.2558
Read more ...

จับ 2 ผู้ต้องหาชิงทรัพย์ใช้เหล็กตีเหยื่อดับ ย่านวงเวียน 22

20 ม.ค. 2558
โดยผู้จัดการ เมื่อ 19 ม.ค.2558

ชุดสืบสวน บก.น.6 ตามจับกุมสองโจรคู่ขาก่อเหตุร่วมกันฆ่าผู้อื่นเสียชีวิตย่านวงเวียน 22 หลังเข้ารีดไถเงินผู้เสียหายแต่ขัดขืนจึงใช้ท่อนเหล็กฟาดศีรษะก่อนหลบหนีไป อ้างโมโหที่ผู้ตายแซวแฟนสาว ประกอบกับมีอาการมึนเมาจึงคว้าท่อนเหล็กกระหน่ำตีผู้ตาย

วันนี้ (19 ม.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)

พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. 
พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช 
พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข 
พล.ต.ต.เฉลิมพันธ์ อจลบุญ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย 
พล.ต.ต.วิสูตร ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 
พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน 
พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ รอง ผบก.น.6 
พ.ต.อ.ศักดา ดามาพงศ์ ผกก.สน.พลับพลาไชย 2 
พ.ต.อ.นพสิทธิ์ มิตรภักดี ผกก.กก.สส.บก.น.6 
พ.ต.ท.จิรพัฒน์ พรหมสิทธิการ รอง ผกก.สส.พลับพลาไชย 2 
พ.ต.ท.บุรี ศรีหล้า รอง ผกก.กก.สส.บก.น.6 
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พลับพลาไชย 2 และ
เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.6 

ร่วมกันแถลงผลการจับกุม

นายวรพงษ์ กองวัฒนะ หรือ เอ็ม อายุ 19 ปี ชาว กทม.

ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่20/2558 ลงวันที่17ม.ค.58 และ 

น.ส.พัชราภรณ์ คำสนิท หรือกิ๊ฟ อายุ 19 ปี ชาว จ.สระแก้ว

ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 21/2558 ลงวันที่ 17 ม.ค. 2558 

พร้อมของกลาง

- รถจักรยานยนต์ฮอนด้า สีขาว-แดง หมายเลขทะเบียน 1 กฌ 9510 กทม. จำนวน 1 คัน 
- ท่อนเหล็กแป๊บสี่เหลี่ยมขนาด 1.5x1.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 1.3 เมตร จำนวน 1 อัน 
- เสื้อยืดลายทาง 
- กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน 
- เสื้อกันหนาวลายทางสีชมพู-เหลือง 
- กางเกงยีนส์ขาสั้นสีน้ำเงิน และ
- รองเท้า 2 คู่ 

ในข้อหา

ร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป เพื่อให้พ้นการจับกุม เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 
ฆ่าผู้อื่น

พ.ต.อ.ศักดากล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา นายเอ็ม ผู้ต้องหา และน.ส.กิ๊ฟ ผู้ต้องหา ขับขี่จักรยานยนต์ฮอนด้าหมายเลขทะเบียน 1 กฌ 9510 กทม. ไป

ที่บริเวณวงเวียน 22 ถนนสันติภาพ แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. 

จากนั้นนายเอ็มลงจากรถ โดยให้นางสาวกิ๊ฟรอที่รถ ก่อนจะเดินไปขอเงินจากนายเกียรติศักดิ์ นาน้ำ ที่เดินอยู่บริเวณนั้นจำนวนเงิน 20 บาท แล้วเดินไปที่บริเวณถนนมิตรพันธ์ พบ

นายวีระ แซ่เฮ้ง และ

นายคชกร สรรสุนทรี 

นายเอ็มจึงเดินเข้าไปข่มขู่จะเอาเงิน 100 บาท แต่นายวีระไม่ยอม นายเอ็มจึงบันดาลโทสะคว้าท่อนเหล็กยาวประมาณ 1.3 เมตร ตีนายวีระจนเสียชีวิตแล้ววิ่งกลับไปที่จักรยานยนต์ของตนเองก่อนจะให้ น.ส.กิ๊ฟขับรถหลบหนีไป

จากการสอบสวนทราบตัวคนร้ายคือ นายวรพงษ์ กองวัฒนะ หรือเอ็ม และ น.ส.พัชราภรณ์ คำสนิท หรือกิ๊ฟ เจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อขออนุมัติหมายศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 20/2558 และ 21/2558 ออกหมายจับทันที 

ต่อมาสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองไว้ได้พบของกลางท่อนเหล็กยาวประมาณ 1.3 เมตร และจักรยานยนต์คันที่หลบหนี จึงยึดไว้เพื่อดำเนิคดีต่อไป

ทั้งนี้ ในวันที่เกิดเหตุมีบุคคลบันทึกภาพขณะที่นายเอ็มใช้ท่อนเหล็กตีนายวีระจนเสียชีวิตไว้ได้ ด้านนายเอ็มสารภาพว่าขณะนั้นตนมีอาการมึนเมา และนายวีระแซว น.ส.กิ๊ฟ ตนจึงเกิดโมโหคว้าท่อนเหล็กตี ส่วน น.ส.กิ๊ฟรับว่าตนร่วมกับนายเอ็มก่อเหตุจริง โดยตนขับขี่จักรยานยนต์พาหลบหนีเท่านั้น
Read more ...

จับกุมชาวพม่า แฝงกายลักมือถือในห้างมาบุญครอง

13 ม.ค. 2558

โดยผู้จัดการ เมื่อ 12 ม.ค.2558

บช.น.แถลงจับกุมหนุ่มสัญชาติพม่า ก่อเหตุซ่อนตัวภายในห้างมาบุญครองหลังปิดกิจการ ก่อนปรากฏกายกวาดโทรศัพท์มือถือไปขายรวม 55 เครื่อง พบประวัติเคยลักทรัพย์ภายในห้างบิ๊กซีสาขาสะพานควาย ศาลสั่งจำคุก 8 เดือน และพ้นโทษออกมาเมื่อปลายปีที่ผ่านมา

วันนี้ (12ม.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)

พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. 
พล.ต.ต.วิสูตร ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 
พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 
พ.ต.ท.เขมรินทร์ พิศมัย สว.กก.สส.บก.น.6 และ
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.6 

แถลงผลการจับกุม

นายติง ซอ อู อายุ 28 ปี สัญชาติพม่า

ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.9/2558 ลงวันที่ 10 ม.ค.58 พร้อมของกลาง

- โทรศัพท์มือถือที่ยึดได้จากผู้ต้องหาจำนวน 4 เครื่อง 
- โทรศัพท์มือถือที่ผู้ต้องหานำไปจำหน่ายให้กับร้านค้า 8 เครื่อง และ
- ไอแพดที่ผู้ต้องหานำไปจำหน่ายให้ร้านค้า 1 เครื่อง 

โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่มารีน่าอพาร์ตเมนต์ ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำให้อันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์

พ.ต.ท.เขมรินทร์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 57 นายติง ซอ อู อายุ 28 ปี สัญชาติพม่า ลักลอบเข้าไปในห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง จนกระทั่งห้างปิดทำการ ผู้ต้องหาได้ปรากฏตัวออกมาแล้วมุ่งไปที่ชั้น 4 ที่เป็นศูนย์รวมโทรศัพท์มือถือ โดยพยายามที่จะงัดร้านค้าโทรศัพท์มือถือถึง 5 ร้าน แต่สามารถงัดได้ 3 ร้าน รวมทั้งสิ้น 55 เครื่อง เมื่อห้างเปิดทำการในช่วงเช้าผู้ต้องหาจึงแฝงตัวไปกับบุคคลที่เข้ามาภายในห้างแล้วหลบหนีไป

จากนั้นผู้ต้องหาได้ทำโทรศัพท์มือถือและไอแพดไปจำหน่ายตามร้านค้าโทรศัพท์มือสองตามสถานที่ต่างๆ ในห้างสรรพสินค้าจำนวน 9 แห่ง รวม 21 ร้าน จำนวนทั้งหมด 34 เครื่อง ส่วนเครื่องที่มีปัญหาผู้ต้องหานำไปทิ้งไว้ในห้างสรรพสินค้าดังกล่าว 10 เครื่อง ทิ้งไว้ในห้องเช่ารายวัน และข้างห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขาท่าพระ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามโทรศัพท์มือถือมาได้ 13 เครื่อง

จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาเข้ามาอยู่ในประเทศไทย 15 ปีที่แล้ว มาประกอบอาชีพรับจ้างต่างๆ ในประเทศจนสามารถรวบรวมเงินเปิดร้านค้าโทรศัพท์มือถือที่อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ หลังจากนั้นผู้ต้องหาและเพื่อนที่ร่วมลงทุนเปิดร้านโทรศัพท์มือถือมีปัญหากันจนต้องแยกกันไปประกอบธุรกิจอื่น

ต่อมาพบว่าผู้ต้องหาเคยไปก่อเหตุลักทรัพย์ที่ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีสาขาสะพานควาย จนกระทั่งเมื่อวันที่ 4 มี.ค. 57 เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.บางซื่อสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ขณะก่อเหตุ ซึ่งศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลา 8 เดือน และพ้นโทษออกมาเมื่อเดือน ต.ค. 57 ผู้ต้องหาเดินทางไปหาเพื่อนชาวพม่าด้วยกันที่ตลาดสี่มุมเมือง คือ นายจ่อนาย

จากนั้นได้หลักทรัพย์เพื่อนคนดังกล่าวจำนวนเงิน 16,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง พาสปอร์ต และหนังสือใบแรงงานบุคคลต่างด้าว ต่อมาผู้ต้องหานำเอกสารของนายจ่อนายทั้งหมดไปแสดงตน เมื่อนำโทรศัพท์มือถือไปจำหน่ายตามร้านค้าต่างๆ ต่อมาผู้ต้องหาเข้าไปก่อเหตุในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาพระราม 2 โดยกระทำการเช่นเดียวกับที่ก่อเหตุในห้างสรรสินค้ามาบุญครอง ได้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก จำนวน 2 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง แล้วสามารถหลบหนีไปได้ จนกระทั่งมาก่อเหตุที่ห้างสรรพสินค้ามาบุญครองซ้ำอีกในวันที่ 26 ธ.ค. 57 ทางเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.6 สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหามาได้

เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่าก่อเหตุมาแล้ว 3 ครั้ง จำคุกมาแล้ว 1 ครั้ง ในการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือแต่ละครั้งตนจะใช้สำเอกสารของนายจ่อนายแสดงตน และได้ค่าโทรศัพท์มือถือเครื่องละ 4,000-5,000 บาท ในการก่อเหตุแต่ละครั้งตนจะไปแอบในร้านโทรศัพท์มือถือ เมื่อได้จังหวะตนจะออกมาจากร้านเพื่อก่อเหตุ

ทั้งนี้ มีผู้เสียหายมาแสดงตัวเพื่อดูของกลางว่ามีของตนกี่ชิ้น และมีผู้ที่ให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามจับกุมตัวมาชี้ตัวผู้ต้องหา
 
Read more ...

พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร.(ปป๒)ปล่อยแถวเดินรณรงค์ฉลองปีใหม่ ๒๐๑๕ ด้วยความสุข สะดวกและปลอยภัยฯ ณ โรงแรมมณเฑียร บางรัก

4 ม.ค. 2558
เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๙ ธ.ค.๕๗ เวลา ๒๐.๐๐ น. 
พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร.(ปป๒) , 
พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต รอง ผบช.น., 
พล.ต.ต.วิสูตร ฉัตรชัยเดช ผบก.น.๖ พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจหน่วยต่าง ๆ ได้แก่ ตำรวจในสังกัด บก.น.๖ , ตำรวจท่องเที่ยว,ตำรวจ บก.สปพ.(๑๙๑) ,ตำรวจ บก.อคฝ.(กองร้อยควบคุมฝูงชนหญิง) ,ตำรวจ บช.ปส., ตำรวจม้า,ตำรวจสุนัข, กองดุริยางค์ตำรวจ 

หน่วยงานอื่นๆ ได้แก่ สำนักงานเขตบางรัก, การทางพิเศษแห่งประเทศไทย

ภาคประชาชนได้แก่ อาสาสมัครตำรวจบ้าน , มูลนิธิร่วมกตัญญู, และพ่อค้าประชาชนในพื้นที่ ย่านพัฒน์พงศ์ และธนิยะ

ได้ร่วมกันปล่อยแถวเดินรณรงค์ ภายใต้ยุทธศาสตร์ปฏิบัติการตำรวจร่วมกับประชาชนฉลองปีใหม่ ๒๐๑๕ ด้วยความสุข สะดวกและปลอดภัย โดยมีจุดมุ่งหมายคือ "คนดีปลอดภัยอุ่นใจ คนร้ายหวาดกลัว" ณ ลานด้านหน้าโรงแรมมณเฑียร บางรัก โดยได้ร่วมเดินรณรงค์ภายในซอยสีลม ๒ และซอยธนิยะ ได้มีพ่อค้าประชาชนในพื้นที่เข้ามามอบดอกไม้ให้กับใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
Read more ...

ตำรวจจราจร สน.ปทุมวัน จับกุมคนร้ายกระชากกระเป๋า ด้วยความกล้าหาญ

4 ม.ค. 2558

 
         เมื่อวันอังคารที่ ๓๐ ธ.ค.๕๗  พล.ต.ต.วิสูตร  ฉัตรชัยเดช  ผบก.น.๖  ได้มอบประกาศเกียรติคุณให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.ปทุมวัน คือ 
          ๑. ด.ต.สุพจน์     ศรีอาจ       ผบ.หมู่ จร. สน.ปทุมวัน
          ๒. ด.ต.ประทีป   เหมือนเงิน ผบ.หมู่ จร. สน.ปทุมวัน  
          ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะ ใส่ใจในเสียงร้องขอความช่วยเหลือของประชาชนแม้ไม่ใช่หน้าที่โดยตรง แต่ด้วยจิตวิญญาณของความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์   รีบติดตามจับกุมคนร้าย โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง
  
พฤติการณ์กล่าว   คือ    ด้วยเมื่อวันที่ ๑๒ พ.ย.๕๗  เวลาประมาณ ๐๕.๓๐ น. หลังจากที่ ด.ต.สุพจน์      ได้ตรวจจำนวนอบรมปล่อยแถวตำรวจจราจร  เพื่อปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกการจราจรเหมือนเช่นทุกวัน  บริเวณหน้าที่ สน.ปทุมวัน    และกำลังจะขับรถจักรยานยนต์ออกไปปฏิบัติหน้าที่   ระหว่่างนั้น    ได้ยินเสียงร้องตะโกนเอะอะ ขอความช่วยเหลือว่า   " คนร้ายกระชากกระเป๋า"    บริเวณริมถนนภายในซอยจุฬา ๕   จึงได้รีบวิ่งตามคนร้ายไป ซึ่งกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่น ฟีโน่ สีขาว หมายเลขทะเบียน ฬบต-๘๒๙ กทม. จะหลบหนี ด.ต.สุพจน์ ได้เข้าสกัดทำให้รถคนร้ายเสียหลัก  ในขณะนั้นได้มี ด.ต.ประทีป  ขับขี่รถจักรยานยนต์มาประสบเหตุ        จึงเข้าขวางรถจักรยานยนต์คนร้ายไว้และร่วมกับจับกุมตัวผู้ต้องหา คือ  นายขวัญชัย หรือ เอ  ใจหาย อายุ ๓๙ ปี  พร้อมด้วยของกลางเป็นกระเป๋าถือสีดา จำนวน ๑ ใบ, โทรศัพท์มือถือ ไอโพน จำนวน ๑ เครื่อง ,บัตรเอทีเอ็ม จำนวน ๒ ใบ             และตรวจยึดรถจักรยายนต์คันที่ใช้ก่อเหตุ จำนวน ๑ คัน โดยกล่าวหาว่า "วิ่งราวทรัพย์ฯ"  นำตัวส่งฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน ขยายผลต่อไป
Read more ...