สน.ยานนาวาจับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุลักทรัพย์ ร้านเอสแอนด์พี

2 ก.ย. 2556
เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2556 เวลา 06.00 น.  พ.ต.ท.ทวีป สุทธิ พงส.ผู้ชำนาญการพิเศษ สน.ยานนาวา ได้รับแจ้งจาก พ.ต.ต.เจตน์ จินารัตนโชติ สวป.สน.ยานนาวา ว่ามีเหตุคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ภายในร้านเอสแอนด์พี สาขา รพ.เซนต์หลุยส์ ถนนสาธรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาธร จึงรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นร้านเอสแอนด์พี อยู่ชั้นล่างของโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่พบ น.ส.จุฑามาส สนิท ผู้จัดการร้าน ยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่ จากนั้นจึงได้เข้าไปตรวจสอบในร้านพบว่าห้องผู้จัดการร้านถูกคนร้ายรื้อค้นกระจุยกระจาย และเงินที่เก็บไว้ในตู้เก็บของหายไป 

ส่วนตู้ที่เก็บตู้เซฟถูกเปิดออก แต่เซฟยังอยู่ที่เดิม จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปตรวจสอบที่ห้องสโตร์ แล้วใช้กุญแจพยายามไขเข้าไป แต่ไขไม่ได้ คาดว่าคนร้ายน่าจะยังอยู่ภายในห้องดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงพยายามเปิดจนสำเร็จ และพบ

นายบำรุง ปราบไพริน อายุ 29 ปี 

สวมเสื้อคลุมสีดำ กางเกงยีนขายาว สวมหมวกคลุมสีดำ คล้ายหน้ากากแบทแมนปิดบังใบหน้า สวมถุงมือสีดำ ในมือถือมีดคัตเตอร์ สะพายกระเป๋าหนังสีน้ำตาลพาดข้าง เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมทันที

จากการตรวจสอบภายในกระเป๋าพบธนบัตรไทยใบละ 500 บาท จำนวน 2 ฉบับ ธนบัตรไทยราคา 100 บาท จำนวน 190 ใบ ธนบัตรไทยราคา 20 บาท จำนวน 210 ใบ เหรียญราคาต่างๆ ประมาณ 1,500 บาท รวมจำนวนเงินทั้งหมด 24,200 บาท ไขควง 1 อัน และมีดคัตเตอร์ 1 เล่ม เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ สน.ยานนาวา

เบื้องต้นนายบำรุง ให้การอ้างว่า เรียนจบระดับปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และเคยเป็นพนักงานอยู่ที่ร้านดังกล่าวได้ประมาณ 1 ปี จากนั้นก็ลาออกมาได้ประมาณ 1 เดือน รู้ช่องทางการเข้า/ออกและที่เก็บเงินภายในร้านเป็นอย่างดี จึงเลือกเข้ามาก่อเหตุ โดยเวลาประมาณ 02.30 น. ขี่รถจยย.ยี่ห้อฮอนด้า คลิก สีน้ำเงิน-ดำ หมายเลขทะเบียน ฬษอ-731 กทม.มาจอดบริเวณมุมอับข้างร้านติดห้องน้ำ 

จากนั้นปีนขึ้นกำแพงมุดเข้าตรงช่องระบายอากาศของห้องน้ำ ก่อนปีนเข้าไปลงตรงห้องผู้จัดการ แล้วรื้อค้นข้าวของก่อนหยิบเงินที่อยู่ในตู้และพยายามเปิดตู้เซฟแต่ไม่สำเร็จ หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงสัญญาณเตือนภัย พร้อมเสียงเจ้าหน้าที่ เลยไม่สามารถออกมาได้ทำให้ต้องหลบซ่อนภายในสโตร์เก็บของไปไหนไม่ได้ กระทั่งจับกุมในที่สุด ซึ่งปกติตนชอบเที่ยวเตร่ตามร้านอาหารชื่อดัง บวกกับตกงานทำให้ขาดรายได้เลยคิดสั้นก่อเหตุดังกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ลักทรัพย์ในเคหสถานกางคืน โดยทำลายสิ่งกีดกั้นคุ้มครองบุคคล หรือทรัพย์โดยเข้าทางช่องทางที่ไม่ประสงค์จำนงให้เป็นทางเข้าโดยใช้ยานพาหนะทางเจ้าหน้าจะนำตัวมาขยายผลว่าเคยก่อเหตุที่พฤติกรรมแบบนี้ที่ใดมาก่อนหรือไม่ เพื่อดำเนินคดีต่อไป

ที่มา นสพ.เดลินิวส์ออนไลน์ เมื่อ 31 ส.ค.2556