จับแก๊งวัยรุ่นปล้นทรัพย์ ย่าน ถ.กรุงเกษม

25 เม.ย. 2557
 
 
 
เมื่อ 21 เม.ย.2557

บก.น.6 แถลงผลจับกุมโจ๋ตั้งแก๊งปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ ย่านกรุงเกษม สารภาพตระเวนก่อเหตุมาแล้วในหลายท้องที่ ก่อนนำทรัพย์สินที่ปล้นมาได้ไปขายหาเงินเที่ยวเตร่ พบประวัติหัวหน้าแก๊งเคยต้องโทษคดียาเสพติดมาแล้ว 7 ครั้ง

วันนี้ (21 เม.ย.) ที่ 

พล.ต.ต.วัลลภ ประทุมเมือง ผบก.น.6 
พ.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ รอง ผบก.น.6 พร้อมด้วย 
พ.ต.อ.ศักดา ดามาพงษ์ ผกก.สน.พลับพลาไชย 2 
พ.ต.ท.สาธิต มิตรรัก รอง ผกก.ป.สน.พลับพลาไชย 2 และ
เจ้าหน้าที่ตำรวจงานป้องกันและปราบปราม สน.พลับพลาไชย 2 

ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม

1. นายอธิวัฒน์ วานิชกลาง หรือเก่ง อายุ 24 ปี 

2. นายทศวรรต รื่นพิทักษ์ หรือต๊ะ อายุ 21 ปี

3. นายเอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี 

4. นายบี (นามสมมติ)อายุ 16 ปี 

พร้อมของกลาง

- จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สกูปปีไอ สีน้ำตาล-ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน 
- จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า โซนิค สีดำ-แดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน 
- อาวุธมีดปลาย แหลม ยาวประมาณ 12 ซม.จำนวน 1 เล่ม 
- สนับมือทองเหลือง 1 อัน และ
- โทรศัพท์มือถือจำนวน 3 เครื่อง

พล.ต.ต.วัลลภกล่าวว่า เจ้าหน้าสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดได้ที่ถนนทรงวาด เขตสัมพันธวงศ์ และถนนราชดำเนินกลางเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา หลังทั้ง 4 คนร่วมกันวิ่งราวทรัพย์ย่านถนนกรุงเกษมได้เพียงโทรศัพท์ถือ 1 แต่ทรัพย์สินที่ได้มีมูลค่าน้อย กลัวเงินไม่พอเที่ยวเตร่จึงตัดสินใจขับขี่จักรยานยนต์ตระเวนหาเหยื่ออีก โดยสบโอกาสเจอเหยื่อย่านวงเวียนโอเดียน หน้าร้านแว่นทอง จึงร่วมกันปล้นทรัพย์ผู้เสียหายโดยใช้มืดและสนับมือเป็นอาวุธ ได้ทรัพย์สินเป็นโทรศัพท์ไอโฟน ก่อนแยกย้ายกันหลบหนี ซึ่งผู้ต้องหาเคยโดนจับในคดีเสพยามาแล้วกว่า 7 ครั้ง และมาร่วมตัวกันกับวัยรุ่นในย่านนี้กว่า 20 คนตั้งแก๊ง

จากการสอบสวนทั้ง 4 คนให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกันก่อเหตุชิงทรัพย์จริง โดยใช้ จักรยานยนต์ 2 คันที่ขโมยมาเป็นพาหนะในการก่อเหตุ โดยก่อนหน้านี้เวลาใกล้กันได้วิ่งราวทรัพย์เป็นโทรศัพท์มือถืิอของผู้เสียหายรายหนึ่งย่านกรุงเกษม แต่ได้ทรัพย์สินเป็นมือถือเครื่องเดียว กลัวเงินไม่พอจึงตัดสินใจก่อเหตุปล้นทรัพย์ หลังก่อเหตุเอาทรัพยสินที่ได้ไปขายเพื่อเที่ยวเตร่ โดยปกตินายทศวรรตมีอาชีพขับจักรยานยนต์รับจ้างที่ท้องสนามหลวง และนายอธิวัฒน์รับจ้างจัดร้านค้าที่สะพานพุทธ ทั้งคู่บอกว่าทำมาเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ครั้งนี้ยังไม่ได้นำทรัพย์สินที่ได้ไปขายก็มาโดนจับเสียก่อน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา

- ปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัวและใช้ยานพาหนะ  
- ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน 

ก่อนจะนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ที่มา นสพ.เดลินิวส์ เมื่อ 21 เม.ย.2557