วันนี้ (23 ม.ค.2556) ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 (บก.น.6)
พล.ต.ต.วัลลภ ประทุมเมือง ผบก.น.6
พ.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ
พ.ต.อ.อุทาสิน ฤทธิ์เรืองเดช รอง ผบก.น.6
พ.ต.อ.สินเลิศ สุขุม ผกก.สน.ยานนาวา
พ.ต.อ.เทียนชัย คามะปะโส ผกก.สน.ปทุมวัน และ
พ.ต.อ.ชาญศิริ สุขรวย ผกก.สน.พลับพลาไชย 1
ร่วมแถลงการจับกุม 3 คดี
คดีที่ 1 จับกุมตัว
นายสัมณา อุดม อายุ 21 ปี
ผู้ต้องหาก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ภรรยาอุปทูตพม่า ตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้
ข้อหา ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะฯ
พร้อมของกลาง
- กระเป๋าสะพายผู้หญิงจำนวนหลายใบ และ
- หมวกกันน็อก
สามารถจับกุมได้บริเวณแยกเฉลิมพันธ์ ถ.เจริญกรุง แขวงและเขตบางรัก กทม.
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2554 เจ้าหน้าที่ สน.ยานนาวาสามารถจับกุม
นายจักรพันธ์ ร้อยจำปา
ก่อเหตุกระชากกระเป๋าผู้เสียหายโดยตนเป็นผู้ซ้อนท้าย ได้ซัดทอดว่าตันายสัมณาเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ร่วมกันก่อเหตุแล้วหลบหนีไป และศาลได้ออกหมายจับนายสัมณาไว้
ต่อมาวันที่ 22 ม.ค. เวลาประมาณ 18.45 น. เจ้าหน้าที่ได้ออกติดตามตัวคนร้ายในคดีดังกล่าว พบนายสัมณาขับขี่ รถ จยย.มาบริเวณแยกเฉลิมพันธ์ ถ.เจริญกรุง แขวงและเขตบางรัก ด้วยท่าทางมีพิรุธจึงขอตรวจค้นแต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่ได้ทำการตรวจสอบประวัติพบว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าว เหตุเกิดในท้องที่ สน.ยานนาวา เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2544 จึงจับกุมตัว
สอบสวนขยายผลรับอีกว่าเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2556 เวลาประมาณ 16.30 น.ได้ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ Mrs.MAW MAW MYINT (มาวมาว เมียน) ภรรยาอุปทูตพม่าประจำประเทศไทย ได้ทรัพย์สินเป็นเงินไทย 40,000 บาท เงินดอลลาร์ 500 ดอลลาร์ โทรศัพท์ไอโฟน 1 เครื่อง และทรัพย์สินอีกหลายรายการ
จากการสอบสวนนายสัมณาให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์มาแล้วกว่า 10 ครั้ง ในพื้นที่ บก.น.1, 5 และ 6 โดยจะเลือกเหยื่อที่เป็นชาวต่างชาติ หรือผู้หญิง โดยฉวยโอกาสที่เหยื่อเดินอยู่ริมถนน เพราะส่วนใหญ่ชาวต่างชาติจะพกพาเงินจำนวนมาก ซึ่งทรัพย์สินทั้งหมดจะนำไปขายและนำเงินมาใช้จ่ายเที่ยวเตร่และนำไปซื้อยาเสพติด ตรวจสอบประวัติพบว่าเคยถูกจับเมื่อ 2 ปีก่อนข้อหาเสพยาเสพติดที่ จ.นครราชสีมา และบำบัดเป็นเวลา 6 เดือน
คดีที่ 2 จับกุมกลุ่มนักเรียนรวมตัวก่อเหตุทะเลาะวิวาท คือ
นายกฤษณะ บุญมา อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79 ซอยเจริญพัฒนา 10 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ
จากประวัติอยู่ระหว่างหลบหนีคดีของ สน.มีนบุรี ตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี หมายจับที่ จ.523/2555 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน
ร่วมกันทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส
พกพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยและไม่มีเหตุสมควร
พร้อมของกลาง
- อาวุธปืนขนาด .32 มม. แบบรีวอลเวอร์ 1 กระบอก
- กระสุนปืน 5 นัด
จับกุมได้ที่บริเวณภายในสนามกีฬาแห่งชาติ หลังร้านศึกษาภัณฑ์ แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
พ.ต.อ.เทียนชัยกล่าวว่า ได้รับแจ้งเหตุว่าจะมีกลุ่มนักเรียนรวมตัวจะก่อเหตุทะเลาะวิวาท ที่หน้าศูนย์การค้า MBK หน้าโตคิว จึงได้ส่งกำลังสายตรวจออกสืบสวน และเจ้าหน้าที่จราจรไปตรวจสอบ และให้กลุ่มนักเรียนดังกล่าวแยกย้ายกันกลับเข้าสถานศึกษา
จากนั้นพบเห็นนายกฤษณะ พยายามหลบหนีเจ้าพนักงานอย่างรีบร้อน คล้ายมีสิ่งผิดกฎหมายซุกซ่อนไว้ เจ้าหน้าที่จึงขอทำการตรวจค้น ภายหลังการขอตรวจค้นพบอาวุธปืนพกพร้อมเครื่องกระสุนพกอยู่ที่ข้างเอว ลักษณะพร้อมใช้งาน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยึดไว้เป็นของกลาง และจับกุมผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน
จากการตรวจสอบประวัติของนายกฤษณะพบว่าอยู่ระหว่างหลบหนีคดีของ สน.มีนบุรี ตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี หมายจับที่ จ.523/2555 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส พกพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยและไม่มีเหตุสมควร โดยมีพฤติการณ์เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 55 เวลาประมาณ 15.00 น.ที่บริเวณตลาดมีนบุรี 2แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ นายกฤษณะ พร้อมพวกประมาณ 20 คนได้ร่วมกันรุมทำร้ายชกต่อยและใช้อาวุธมีดแทงทำร้ายนายอดิศักดิ์ สุดนิมิต จนบาดเจ็บสาหัส
หลังเกิดเหตุนายกฤษณะและพวกได้หลบหนีไป มูลเหตุมาจากเมื่อ พ.ศ. 2544 นศ.มีนบุรีโปลีเทคนิคได้เคยยกพวกทำร้ายกลุ่มของนายกฤษณะโดยใช้อาวุธปืน เป็นเหตุให้บิดาถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตาย จึงเป็นเหตุให้แค้นจึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว
จากการตรวจสอบประวัติการศึกษาพบว่านายกฤษณะเคยศึกษาที่สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาอุตสาหกรรม ปี 1 และถูกให้พ้นสถานภาพเนื่องจากผลการเรียนต่ำกว่ามาตรฐาน เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 55
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว
นายปิยะพงษ์ ดวงตาแก้ว อายุ 29 ปี พักอาศัยอยู่ที่ซอยลาดกระบัง 12 แขวงและเขตลาดกระบัง
พร้อมของกลาง
- กระเป๋าสะพายแบบคาดเอว 1 ใบ ภายในมีเงินสด 4,000บาท
- โทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย 1 เครื่อง และ
- เครื่องช็อตไฟฟ้า 1 เครื่อง
จากการสอบสวนนายปิยะพงษ์ให้การรับสารภาพว่าไม่มีงานทำ จึงมาเดินเตร็ดเตร่แถวตลาดโบ๊เบ๊
เมื่อสบโอกาสก็นำเครื่องช็อตไฟฟ้าที่เตรียมมาก่อเหตุชิงทรัพย์ ก่อนหลบหนีแต่ไปไม่รอด ถูกจับกุมดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อว่าจะเป็นการกระทำผิดครั้งแรก นำตัวไปสอบสวนและดำเนินคดีที่ สน.พลับพลาไชย 1 ต่อไป
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์ และทีวีช่อง 7 เมื่อ 23 ม.ค.2556